'บัตรคนจน' 15 ก.ค.63 'ผู้สูงอายุ' รับเงินเพิ่มเติมจากเงินเยียวยา สูงสุด 100 บาท
สำหรับ "ผู้สูงอายุ" ที่ถือ "บัตรคนจน" หรือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน จะได้รับสิทธิ์เงินพิเศษรายละ 50-100 บาท ตามเกณฑ์กำหนดด้านรายได้ นอกเหนือจากเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รายเดือน 600-1,000 บาท
หนึ่งในสิทธิ์ที่พึงได้ของ "ผู้สูงอายุ" ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ก็คือ สิทธิ์เงินพิเศษผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐได้กำหนดให้ทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ผู้สูงอายุจะได้รับเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเช่นเดียวกับสิทธิ์อื่นในบัตรคนจน เช่น วงเงินชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภค รายละ 200-300 บาท, ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ รายละ 500 บาท และส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม รายละ 45 บาทต่อ 3 เดือน
สำหรับสิทธิ์เงินพิเศษผู้สูงอายุ คณะกรรมการผู้สูงอายุ มีมติต่อมาตรการช่วยเหลือนี้ไปถึงเดือนกันยายน 2563 โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะต้องเป็นผู้ที่ถือบัตรคนจน จะได้รับเดือนละ 50 บาท และ 100 บาท ซึ่งเงินจะโอนเข้าบัตรทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน และเงินในส่วนนี้สามารถกดออกมาเป็นเงินสดมาใช้ได้
ทั้งนี้ผู้สูงอายุแต่ละรายจะได้เงินไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ดังนี้
- ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้สิทธิ์เงินพิเศษผู้สูงอายุเดือนละ 100 บาท
- ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 100,000 บาท จะได้สิทธิ์เงินพิเศษผู้สูงอายุเดือนละ 50 บาท
นอกจากนี้สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคน รวมถึงผู้สูงอายุที่ถือบัตรนี้ด้วย ในทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ยังได้รับสิทธิ์เงินคืนภาษี 5% ของยอดเงินที่ใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- 'บัตรคนจน' ก.ค.63 เหลือสวัสดิการอะไรบ้าง? หลังรับ 'เงินเยียวยา' 3,000 บาทไปแล้ว
- ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ รวมทุกสิทธิ 'บัตรคนจน' เดือนกรกฎาคม 2563 ได้รับอะไรบ้าง?
ซึ่งคือการที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำบัตรไปรูดซื้อของที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคืนภาษี ซึ่งร้านค้าจะเก็บรวบรวมยอดซื้อสินค้าไว้ในแต่ละเดือน คิดเป็นจำนวน 5% ของยอดที่ใช้จ่ายไป โดยเงินที่คืนจากส่วนนี้ แต่ละคนจะได้คืนสูงสุด 500 บาท ซึ่งจะเป็นการจ่ายเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) สามารถรูดออกมาเป็นเงินสด หรือใช้จ่ายผ่านบัตรกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ แต่เงินจำนวนนี้จะสามารถใช้ได้ในเดือนถัดไป
หรืออธิบายให้เห็นภาพว่า อัตราภาษี VAT 7% นั้น แยกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1% เป็นส่วนที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องจ่ายอยู่แล้วเมื่อนำบัตรไปใช้จ่าย จากเดิมที่ต้องจ่ายเต็ม 7%
ส่วนอีก 5% เป็นเงินที่ผู้ถือบัตรคนจนจะได้รับการคืนเงินในเดือนถัดไปผ่าน e-Money สำหรับ 1% สุดท้ายจะถูกนำเข้าไปในกองทุนการออมแห่งชาติของผู้ถือบัตรคนจน
ขณะเดียวกันในเดือนกรกฎาคม 2563 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังได้รับสิทธิ ซึ่งเป็นโครงการที่มีระยะเวลาของโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-กันยายน 2563 รวมระยะเวลาทั้งหมด 11 เดือน อีก 2 สิทธิ์ ได้แก่
- สิทธิส่วนลดค่าน้ำประปา สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไว้กับการประปาในพื้นที่ โดยจะต้องใช้น้ำไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด หรือเดือนละไม่เกิน 100 บาท เมื่อบิลค่าน้ำประปามาต้องจ่ายเงินสดไปก่อน จากนั้นระบบจะบันทึกข้อมูล และโอนเงินสดกลับมาเข้าบัตรในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 โดยสามารถกดออกมาเป็นเงินสดได้
- สิทธิส่วนลดค่าไฟฟ้าประจำเดือน โดยจะต้องใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด หรือเดือนละไม่เกิน 230 บาท เมื่อสิ้นเดือนบิลค่าไฟฟ้ามาให้จ่ายเงินไปก่อน เมื่อระบบจัดเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว พบว่าใช้ไม่เกินเกณฑ์ ก็จะโอนเงินช่วยเหลือกลับมาเข้าบัตรให้ 230 บาท ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 โดยสามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้