เล็ง 3 ข้อหาเอาผิดม็อบนักศึกษา ตำรวจเรียกถกทีมสืบสวนวันนี้
ตำรวจปัดชายชุดดำแฝงตัวม็อบปลดแอก ยันดูแลความเรียบร้อย-เลี่ยงปะทะ ด้านรองผบ.ตร.เรียกประชุมทีมสืบสวนวันนี้ เล็งเอาผิด3ข้อหา ขณะที่กลุ่มนักศึกษาออกแถลงการณ์ ลั่น “ยิ่งเด็ดดอกไม้ยิ่งบาน” ไม่จบแค่นี้ โฆษกก้าวไกลปัดหนุนหลังผู้ชุมนุม
การชุมนุมของกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยหรือสนท.และกลุ่มเยาวชนปลดแอก- Free YOUTHที่นัดชุมนุมขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายใต้แคมเปญไม่ทนอีกต่อไปตั้งแต่วันที่18ก.ค.ต่อเนื่องวันที่19 ก.ค.ก่อนที่แกนนำจะประกาศยุติชุมนุมเมื่อช่วงเวลา00.00ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่ามีกลุ่มมือที่สามชายชุดดำเข้ามาปั่นป่วน และพยายามนำตัวแกนนำขึ้นรถ รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
ล่าสุด พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) กล่าวยืนยันว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีกระทบกระทั่งกับประชาชน ตำรวจพยายามกันไม่ให้ผู้ชุมนุมลงมาบนถนน แต่ก็กันไว้ไม่ได้ จึงต้องปล่อยให้ลงมา และกรณีมีการรายงานข่าวว่าพบชายชุดดำบริเวณ ร.ร.สตรีวิทยา นั้น ได้รับรายงานว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เข้าไปดูแลพื้นที่จุดสูงข่ม เพื่อดูแลไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์
ช่วงนี้อยู่ในช่วงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุว่าห้ามชุมนุมมั่วสุม ในส่วนนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะดำเนินการอย่างไร กับใครบ้าง หากพิจารณาแล้วมีความผิดในลักษณะสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เพราะมีคนมาจำนวนมาก ทุกคนที่เก็บภาพได้ถือว่าอยู่ในข่ายความผิดนี้ สำหรับข้อหาเกี่ยวกับการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เกี่ยวข้องกับแกนนำผู้ปราศรัย ส่วนความผิดเกี่ยวกับผู้สนับสนุนชัดเจน คือกลุ่มชูป้ายข้อความต่างๆ
นอกจากนี้การลงมาชุมนุมบนพื้นถนน ก็เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.จราจร ทางบก ส่วนกรณีชุมนุมใหญ่ ใน จ.อุบลราชธานี จ.เชียงใหม่ ตนได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ที่มีการชุมนุม อย่าให้มีการปะทะกับประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี การชุมนุมในช่วงนี้ ไม่ใช่ภาวะปกติ ที่จะชุมนุมได้ตามสิทธิอันชอบธรรม แต่อยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีข้อห้ามไว้ว่าการกระทำใดที่เป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และอีกประการหนึ่งหากผู้ชุมนุมมาจำนวนมาก เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ก็จะมีความผิด
3สน.จ่อถกแจ้งข้อกล่าวหา
ด้าน พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ กล่าวถึงว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจโดยยืนยันว่า เน้นแนวทางละมุนละม่อมเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกับกลุ่มมวลชนแต่มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันบ้างแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บยอมรับว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ขออนุญาตชุมนุมส่วนจะมีความผิดใดนั้นต้องมีการประชุมหารือกับสถานีตำรวจนครบาลที่เกี่ยวข้องเนื่อง ทั้งสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งและสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้นอยู่ภายใต้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับใครส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประกาศยุติการชุมนุมโดยอ้างว่ามีกลุ่มมือที่สามชายชุดดำเข้ามาปั่นป่วนข่มขู่คุกคามและอาจจะมีความไม่ปลอดภัยนั้นยืนยันว่าไม่มีรวมทั้งการกล่าวอ้าง
รองผบ.ตร.นักถกทีมสืบสวนวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาโดยเฉพาะจากกรณีการนัดชุมนุมที่เกิดขึ้น โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตราผบช.น.มอบหมายให้ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผบช.น. รับผิดชอบงานความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ในวันนี้20 ก.ค. เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. นัดประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่กองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บก.สส. บช.น.)นำพยานหลักฐานที่รวบรวมได้มาจากการชุมนุมดูว่าพฤติกรรมของแกนนำและผู้ชุมนุม เข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง ก่อนพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ยังมีการประเมินจากฝ่ายความมั่นคงว่า สาเหตุที่แกนนำตัดสินใจยุติชุมนุม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีความสุ่มเสี่ยงในคดีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 เนื่องจากมีกลุ่มไม่เอาสถาบันเข้ามาร่วมชุมนุม รวมทั้งมีการทำป้ายข้อความต่อต้าน ซึ่งแกนนำและทีมจัดงานอาจควบคุมได้ไม่ทั่วถึง
ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่ารายชื่อที่ ตร.รวบรวมในการรายงานรัฐบาลและถูกระบุเป็นฮาร์ดคอร์ไม่เอาสถาบัน
เยาวชนปลดแอกลั่นไม่จบแค่นี้
เฟซบุ๊ค“เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH”โพสต์ภาพเอกสาร ข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่มีต่อรัฐบาลเป็นครั้งแรก โดยมีใจความสำคัญเกี่ยวกับการเรียกร้องให้ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่พร้อมระบุข้อความดังนี้
นี่คือแถลงการณ์และข้อเรียกร้องฉบับเต็มของเราที่ได้ประกาศไปเมื่อ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา เราเป็นเพียงกลุ่มเยาวชนเล็กๆที่รวมตัวกันขึ้นเพราะคาดหวังในอนาคตที่ดีกว่า สิ่งที่เราและเพื่อนๆจากสนท.ได้ออกมาทำลงไปในเมื่อวานนี้ เราทำด้วยใจบริสุทธิ์ หากผิดพลาดประการใด เราต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ และขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่เข้าร่วมกับเรา ขอขอบคุณทุกความช่วยเหลือ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า เราไม่ได้เดินอย่างโดดเดี่ยว
ช่างน่าขันที่ความปลอดภัยในประเทศนี้มักจะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่พูดความจริง นับจากเมื่อวานนี้แสงแห่งประชาธิปไตยได้ถูกทำให้สว่างขึ้นอีกครั้ง ยิ่งคุณเด็ดดอกไม้ ดอกไม้จะยิ่งบานมันจะไม่จบลงแค่นี้
ก้าวไกลปัดหนุนหลังม็อบปลดแอก
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาสะสมตั้งแต่สมัยที่เป็นคสช. จนเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาหลักได้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เพราะประชาชนมองข้ามไปแล้ว มีแต่ต้องยุบสภาเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรเองมีการพยายามตั้งกมธ.รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ตั้งแต่สมัยประชุมที่แล้ว แต่ตนได้กลิ่นมาว่ารัฐบาลมีความพยายามที่ไม่ให้มีกมธ.ชุดดังกล่าว นั่นหมายความว่า พวกเขาไม่อยากรับฟังความเห็นของนักศึกษา ซึ่งการที่มีการชุมนุม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างจากการชุมนุมทางการเมืองครั้งที่ผ่านมา คือการชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเพื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเหมือนกับการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมานับแต่ตั้งแต่ปี 2549 แต่การชุมนุมในครั้งนี้ คนที่ออกมาเพื่อตัวพวกเขาเอง จากหลายปัจจัยที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเรื่องการจัดการที่แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง เช่น การจัดเตรียมพื้นที่ การรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ที่จะร่วมชุมนุม หรือการจัดประเด็นการพูดให้มวลชนที่มาฟังแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย
“ในส่วนของผม และพรรคก้าวไกล ขอยืนยันว่าเราจะไม่แทรกแซงการชุมนุมไม่มีการให้คำแนะนำแต่อย่างใด เพราะเราอยากเห็นบรรดาแกนนำเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่จากพลังที่บริสุทธิ์ โดยเราจะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น” นายณัฐชา กล่าว
วันเดียวกัน กลุ่มคนเชียงใหม่จะไม่ทนtoo ได้จัดกิจกรรมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาที่บริเวณประตู่ท่าแพ