'บอส อยู่วิทยา' กับ 5 เงื่อนงำ จี้ปฏิรูประบบยุติธรรมไทย อัยการไม่ฟ้อง ตร.ถอนหมายจับ

'บอส อยู่วิทยา' กับ 5 เงื่อนงำ จี้ปฏิรูประบบยุติธรรมไทย อัยการไม่ฟ้อง ตร.ถอนหมายจับ

หนี 8 ปี “บอส อยู่วิทยา” รอดคดีชน ตำรวจสน.ทองหล่อ หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจรับลูกจ่อถอนหมายจับ ด้าน “พ.ต.อ.กฤษณะ” ปัด “สำนวนอ่อน-2มาตรฐาน” อุบตอบเหตุผล

นักกฎหมายยก 5 เงื่อนงำปูดทนายโยงพรรคการเมือง-บิ๊กอัยการมือทำคดีอดีตลูกนายกฯ อดีตพฐ.คาใจหลุดคดี จี้ปฏิรูป “กระบวนการยุติธรรม-ตำรวจ” ทั้งระบบ

กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตามมาด้วยคำถามที่ค้างคาใจของคนในสังคมที่ตั้งคำถามไปที่มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมไทย หลังจากที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องวรยุทธ อยู่วิทยาหรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทผู้บริหารเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ในคดีขับรถยนต์หรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 พร้อมเตรียมถอนหมายจับในทุกคดีปิดฉากการหนีคดีกว่า 8 ปี

โดยรายงานข่าวระบุถึง หนังสือจากพ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ลงวันที่ 18 มิ.ย.2563 แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีตามคดีอาญาระหว่างพ.ต.ท.วีรดล ทับทิมดี ผู้กล่าวหา นายวรายุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่1 และ ดต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ต้องหาที่2 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้1 เพื่อพิจารณาแล้วนั้น

“บัดนี้อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีต่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในทุกข้อกล่าวหาตามหนังสือที่อ้างถึงและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งของพนักงานอัยการคดีนี้จึงเป็นอันสิ้นสุดตามกระบวนการทางกฎหมายและพนักงานสอบสวนได้ทำการขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ขณะที่สำนักข่าว CNN รายงานข่าวนี้อ้างอิงคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการจากคดีนี้ที่มีการหลบหนีคดีของนายวิทยา แต่กลับพบไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ โดย CNN ยืนยันคำสัมภาษณ์ของตำรวจยืนยันว่าเอกสารคำสั่งเด็ดขาดไม่สั่งฟ้องของอัยการไทยนั้นเป็นเอกสารจริง

“เราได้รับทราบจากอัยการถึงการตัดสินใจสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ว่าจะไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ เราจึงได้แจ้งไปทางนายวรยุทธแล้วและยกเลิกหมายจับแล้วเช่นกัน” พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อกล่าวกับCNN

ตร.รับลูกชงถอนหมายจับ“บอส”

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงชี้แจงว่า เมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดสั่งไม่ฟ้อง คณะกรรมการตำรวจพิจารณากับฝ่ายกฎหมายแล้ว ก็เห็นพ้องตามอัยการสั่งไม่ฟ้องด้วย ส่วนเหตุผลไม่สามารถเปิดเผยได้ หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามกฎหมายถอนหมายจับนายวรยุทธในไทย และให้ตำรวจกองการต่างประเทศประสานตำรวจสากลถอนหมายจับอินเตอร์โพลด้วย ให้เสมือนเป็นผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งทำให้นายวรยุทธสามารถกลับเข้าประเทศได้ตามปกติ

กระบวนการดังกล่าวน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ ทั้งนี้ยืนยันอีกว่าคดีนี้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ มีหลายคดีที่ตำรวจมีความเห็นแย้ง ซึ่งยึดตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องสองมาตรการการเห็นแย้งหรือไม่แย้งต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตามกระแสสังคม

ปัดทำสำนวนอ่อนทำ “บอส” รอด

ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจมีการเข้าข้างทำสำนวนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็เปิดโอกาสให้ตรวจสอบมาโดยตลอด การสั่งไม่ฟ้องข้อหาใด ก็มีเหตุผลความจำเป็นและพยานหลักฐานสนับสนุนและตำรวจก็เสียใจกับความสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่ดาบตำรวจวิเชียร ผู้เสียชีวิตกลับมีชื่อเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ด้วยนั้น ตามจริงแล้วคดีนี้เมื่อปี 2555พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับบุคคล 2 คน คือนายวรยุทร ผู้ต้องหาที่ 1 กับ ด.ต.วิเชียร เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาประมาทร่วม แต่ ด.ต.วิเชียร เสียชีวิตจึงสั่งไม่ฟ้องซึ่งปกติแล้ว หากมีคดีอุบัติเหตุและยัง ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิดก็จะแจ้งเป็นความผิดฐานประมาทร่วม

โต้คุกไว้ขังคนจน-2มาตรฐาน

ส่วนกรณีที่สังคมมองว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น ขอร้องว่าสังคมอย่าสร้างวลีเช่นนั้น ตำรวจปฏิบัติตามหน้าที่ ก่อนที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะย้ำว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตำรวจก็สูญเสีย ไม่ใช่มองแต่ว่าเป็นเรื่องของคนรวยคนมีเส้นมีสาย ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่ก็สามารถที่จะกลับมาฟ้องใหม่ได้

สำหรับคดีนี้นายวรยุทธถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 5 ข้อหา 1.ข้อหาเมาแล้วขับ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง 2.ขับรถเร็วเกิน หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 3.ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 / 4.ชนแล้วหนี หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2560 และ5.ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีกำหนดจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570 หรืออีกประมาณ 7 ปี

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงโทษภาคทัณฑ์7ตำรวจหลังตรวจสอบพบว่ามีการช่วยเหลือนายวรยุทธไม่ให้ถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับไม่ดำเนินดคดีขับรถเร็วเกินไปและไม่ออกหมายจับจนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ

ปูด “ทนายบอส” โยงพรรคการเมือง

ขณะเดียวกันมีรายงานจากแวดวงนักกฎหมายว่า คดีนี้อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งฟ้องเอาไว้แล้ว ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอายุความถึงปี 2570 ส่วนข้อหาอื่นๆ มีทั้งขาดอายุความและสั่งไม่ฟ้อง แม้จะไม่มีความหวังว่าจะจับกุมนายบอสกลับมารับโทษได้ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งคดีที่อัยการเคยสั่งไว้แล้วได้

สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลง มีข้อมูลระบุว่า ทนายความของ บอส อยู่วิทยา ซึ่งเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งขณะที่ยืนเรื่อง คณะทำงานของอัยการได้เปลี่ยนชุดไปจากชุดเดิมที่มึคำสั่งฟ้องไปแล้วว่ากันว่า คณะทำงานชุดใหม่ของอัยการมองว่าหนังสือขอความเป็นธรรมนี้ฟังขึ้น จึงประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง แต่เกี่ยงกันเรื่องอำนาจว่าใครเป็นผู้มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง

“บิ๊กอัยการ” มือทำคดีอดีตลูกนายกฯ

ทั้งนี้ ปรากฏว่า “บิ๊กอัยการ” รายนี้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี น่าจะเป็นคนเดียวกับที่สั่งไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินของลูกชายอดีตนายกรัฐมนตรีคนดัง ขณะเดียวกันยังมีข้อสังเกต 5 ข้อเกี่ยวกับคดี 1. อัยการเคยมีคำสั่งฟ้องนายบอส ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปแล้ว เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในภายหลัง 2. บิ๊กอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดี เป็นคนเดียวกับที่สั่งไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินของลูกอดีตนายกฯหรือไม่ และเหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญที่ถูกตั้งคำถามตลอด

3. เหตุใดรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ เพิ่งแถลงเมื่อ 27 มิถุนายน ช่วงที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรงตำรวจ 7 นายที่ยื้อคดีนี้ และยังล่าตัวนายบอสอยู่ 4. เหตุใด ผบ.ตร.หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเห็นพ้องกับอัยการ ทั้งๆ ที่ยังทำความเห็นแย้งได้ แล้วให้อัยการสูงสุดชี้ขาด และ5. คดีนี้มีตำรวจเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ เหตุใดตำรวจจึงไม่พยายามต่อสู้คดี เพื่อให้กำลังพลของตนได้รับความเป็นธรรม แต่กลับมีการดึงรั้งคดี สุดท้ายอัยการยังสั่งไม่ฟ้องคดีอีก ทั้งๆ ที่มีคำสั่งฟ้องไปแล้ว

อดีตพฐ.คาใจหลุดคดี-จี้ปฏิรูป

พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อดีตนักวิทยาศาสตร์(สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเมื่อ 8 ปีที่แล้ว กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่พอใจกับผลที่ออกมา เพราะตนได้ทำคดีนี้ด้วยตนเอง สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาขับรถชนจริง

“หลักฐานที่มีขณะนั้นเรามั่นใจว่าสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน ซึ่งหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานที่ผมสังกัดได้ทำงานอย่างหนัก และส่งผลสรุปเสร็จภายใน 1 เดือน แต่เมื่อมาถึงชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี พอผลสรุปออกมาแบบนี้ผมรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง ถือว่ากระบวนการยุติธรรมไม่น่า พอใจควรผลักดันให้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเสียที”พ.ต.ต.เชาวลิต กล่าว
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปทั้งกระบวนการสอบสวนคดีและการทำงานของตำรวจ ต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไร ถึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง

นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตำรวจและอัยการต้องแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุผลที่ไม่สั่งฟ้องคดี ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาลเสียด้วยซ้ำ ในฐานะ ส.ส.ตั้งคำถามว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจนหรือไม่

เช่นเดียวกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่าการที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา ทั้งที่ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 การเพิกถอนหมายจับ จึงอาจเป็นการใช้อำนาจอย่างเลือกปฏิบัติ และทุจริตต่อหน้าที่ได้ สมาคมฯจึงจำต้องนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไปในสัปดาห์หน้า

ด้านนายสิระ เจนจาคะส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนสนใจและสังคมต้องการข้อเท็จจริงฉะนั้น กมธ.ซึ่งมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่จะสามารถเรียกอัยการสูงสุดผบ.ตร.และตำรวจที่ป.ป.ช. มาให้ข้อมูลได้คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้วันที่ 29 ก.ค. หรือวันที่ 5 ส.ค.และตนจะไม่ปล่อยเรื่องนี้เงียบไป