เร่งคลายปม 'โคเคน' ตำรวจเชิญแพทย์-พยาน สอบคดี 'บอส อยู่วิทยา'
ตำรวจคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส อยู่วิทยา" เรียกแพทย์ และ พยาน มาให้ปากคำอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางโดยเฉพาะกรณีสารเสพติด "โคเคน" พร้อมขีดเส้นให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน
วันนี้ (1 ส.ค. 63) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานนะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส อยู่วิทยา" ซึ่งเกิดอุบัติเหตุ ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 และคดียืดเยื้อมาหลายปี กระทั่งล่าสุด อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดีทุกข้อกล่าวหาและได้ถอนหมายจับแล้ว ขณะที่สังคมเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจในหลายๆ ประเด็น
และล่าสุดได้มีการให้ข้อมูลว่า สารเสพติดโคเคนที่พบในร่างกายของ บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา เป็นสารที่ใช้ในการรักษาฟันนั้น พล.ต.อ. ศตวรรษ ได้เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนล่าสุดว่า ในวันนี้จะเน้นการตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายของตำรวจที่ทำการสอบสวน อีกทั้งต้องมีการเรียกแพทย์และพยานมาให้ปากคำอีกหลายปากโดยเฉพาะในประเด็นพบสารโคเคนในเลือดของบอส อยู่วิทยา ซึ่งจะต้องสอบเพิ่มเติม
ทั้งนี้ เมื่อวาน (31 ก.ค.) ยังไม่ได้มีการเขิญแพทย์มาสอบปากคำ แต่เป็นการแถลงข้อเท็จจริงตามคำให้การและบันทึกการตรวจร่างกายในสำนวนเก่า หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนและคดียังไม่หมดอายุความก็สามารถแจ้งข้อหาการเสพสารเสพติดเพิ่มเติมได้
ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนไม่แจ้งข้อหาตั้งแต่ตรวจพบจนเกิดความล่าช้า ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า พนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลพินิจในกาาแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากพบก็สามารถดำเนินคดีได้ เช่นเดียวกับที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกับตำรวจบางนายไปแล้ว
สำหรับคณะกรรมการ ไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ แต่เป็นการสรุปข้อเท็จจริง นำเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ส่วนการแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ในประเด็นสารโคเคนในเลือดของ บอส อยู่วิทยา เป็นข้อมูลที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดนี้สามารถตรวจสอบมาได้ และ นำมาชี้แจงไม่ได้เป็นการเห็นแย้งกับคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ แต่อย่างใด
ทั้งนี้คณะกรรมการตำรวจยังต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นอื่นเพิ่มเติมอีก พลตำรวจเอก ศตวรรษ ระบุว่าจะพยายามให้สร็จสิ้นภายในระยะเวลา 15 วันตามกรอบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด