"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (10 ส.ค.63)

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (10 ส.ค.63)

10-14 สิงหาคม: ยังมีแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาด และแนวโน้มสัปดาห์นี้: ในสัปดาห์นี้ (10-14 สิงหาคม) เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงแบบ sideways down เพราะปัจจัยความไม่แน่นอนจากภายนอกสองเรื่อง ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคและหุ้น cyclical play ของไทยสะดุด ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักค่อนข้างมากในการคำนวนดัชนี ประเด็นแรกคือความตึงเครียดทางการทูตที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากที่เมื่อัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดี Trump ตัดสินใจแบน TikTok และWeChat โดย TikTok ได้ตัดสินใจจะยื่นฟ้องรัฐบาล Trump ภายในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจจะเพิ่มความตึงเครียดของทั้งสองประเทศขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ประเด็นที่สองก็คือ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนสหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจาก Coronavirus ฉบับที่สองได้ และ Trump ต้องออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order) สองสามฉบับเพื่อขยายมาตรการประกันการว่างงาน และมาตรการอื่น ๆ ออกไป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ บวกกับยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เร่งตัวขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาน่าจะฉุดภาวะตลาดโดยรวมของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองว่าดัชนี SET มี downside จำกัด เนื่องจาก i) ผลประกอบการ 2Q63 เท่าที่ออกมายังไม่ถือว่าน่าผิดหวัง ii) สภาพคล่องในประเทศยังคงล้นเหลือ (M2 ของไทยโตเกือบ 11% YoY ในเดือนมิถุนายน) ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้นักลงทุนสถาบันในประเทศ และรายย่อยกลับเข้ามาในตลาดเมื่อราคาหุ้นย่อลง และ iii) ความคาดหวังว่าหุ้น
domestic play จะได้อานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจ / มาตรการกระตุ้นรอบใหม่จากรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ ทั้งนี้ เมื่ออิงจากแบบจำลองเชิงปริมาณของเรา ซึ่งประเมินระดับของ forward P/E 12 เดือนข้างหน้าที่เหมาะสมอยู่ที่ 17.3x ในเดือนสิงหาคม และ EPS กลางปี 2564 ที่ 74.5 เราคิดว่า downside ของดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,290 จุด

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวที่กระทบกับตลาด:

(-) ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐเลวร้ายลงไปอีก เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน ซึ่งรวมถึงนาง Carrie Lam หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกงด้วย นอจากนี้ นาย Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐก็แนะนำให้ถอนหุ้นบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐภายในเดือนมกราคม 2565 ถ้าหากว่าบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ในการเปิดเผยข้อมูลได้ ยิ่งไปกว่านั้น Trump ยังได้ลงนามคำสั่งแบน TikTok และ WeChat ซึ่งเราคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีข่าวที่ทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศรุนแรงขึ้นอีกในสัปดาห์นี้

(0/-) ประธานาธิบดี Donald Trump ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้ความช่วยเหลือพลเมืองอเมริกัน เนื่องจากสภา congress ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ตัวแทนของพรรค Republican และ Democrats ยังไม่สามารถทำข้อตกลงร่วมกันได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ Trump ตัดสินใจออกคำสั่งฝ่าย
บริหารเพื่อดำเนินการสี่ด้านในการให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกัน โดยเขาได้สั่งการให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีว่างงานสัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์หลังจากที่มาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือสัปดาห์ละ 600 ดอลลาร์หมดอายุไปเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ส่วนอีกสามด้าน ได้แก่ การพักชำระภาษีเงินเดือนของประชาชนอเมริกันที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 1 แสนดอลลาร์ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เช่า และเจ้าของบ้านและการเลื่อนชำระหนี้ที่ให้นักเรียนกู้เพื่อการศึกษา ในขณะเดียวกัน คำสั่งที่ออกมายังมีความไม่แน่นอนว่าจะปฏิบัติได้จริงหรือไม่ เพราะการเบิกจ่ายตามคำสั่งดังกล่าวต้องใช้เงินของรัฐซึ่งตามกฎหมายแล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของสภา congress

ธีมหุ้นที่เราสนใจ:

เนื่องจากเรายังคงมองว่าตลาดจะปรับลงแบบ sideways และยังถูกกดดันจากความผันผวนของปัจจัยมหภาคโลก เราจึงยังคงเน้นเลือกหุ้นแบบ bottom-up ดังที่ได้ระบุไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนเดือนสิงหาคมที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้แก่ i) กลุ่มการพาณิชย์ และโรงพยาบาล ซึ่งผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 (CPALL*, BDMS*) ii) หุ้น mid-cap ที่ผลประกอบการ 2Q63 มีแนวโน้มดีขึ้น YoY (AP*, PTG*) iii) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและ การลงทุนภาครัฐ/โครงสร้างพื้นฐาน (DOHOME*, GLOBAL*, SCCC)