สิ้นปี 63 ติด 'โควิด' 50 ล้านคน ตาย 1-5 ล้านคน

สิ้นปี 63 ติด 'โควิด' 50 ล้านคน ตาย 1-5 ล้านคน

คาดสิ้นปี 63 ทั่วโลกติดโควิดทะลุ 50 ล้านคน ตาย1-5 ล้านคน “หมอยง”ยันไทยยังปลอดติดเชื้อในประเทศ ชี้กรณี 2 สาวพบซากไวรัสเป็นไปสูงติดจากต่างประเทศ ย้ำเศษซากชิ้นส่วนไวรัส ธรรมชาติไม่พัฒนาเป็นตัวจนแพร่เชื้อ

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโรคโควิด-19 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศมานานเกือบ 90 วันแล้ว แต่การระบาดในต่างประเทศยังเกิดขึ้นอย่างหนัก ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 22 ล้านคน เสียชีวิต 7.7 แสนคน อัตราเพิ่ม 4 วัน 1 ล้านคน และเมื่อดูจากอัตราเพิ่มเช่นนี้แล้ว
 
ในสิ้นปี 2563 ทั่วโลกจะมีผู้ติดโควิดราว 50 ล้านคน และเสียชีวิต 1-5ล้านคน สิ่งที่เป็นความหวังคือยารักษาที่จะลดความรุนแรงของโรค ที่ใครติดเชื้อก็ได้แต่ไม่เป็นปวดบวม และเสียชีวิต รวมถึง วัคซีน ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2563 จะมีการศึกษาวิจัยพัฒนาวัคซีนสำเร็จ เพราะขณะนี้มีกว่า 6 บริษัทที่มีการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 3แล้ว จึงน่าจะมีอย่างน้อย 1-2 บริษัทที่สำเร็จ

ศ.นพ.ยง กล่าวถึงกรณีการตรวจเจอเศษซากชิ้นส่วนไวรัสที่ก่อโรคโควิดและภูมิคุ้มกันในหญิงสาวชาวชัยภูมิและเลย หลังเดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีและเข้ากักตัวในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้จนครบ 14 วันแล้วว่า รายแรกชาวจ.ชัยภูมิ ตรวจเจอซากไวรัสหลังวันเข้าไทยประมาณ 75 วัน และรายที่ 2 ตรวจเจอหลังเข้าไทย 50 วัน ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้ติดภายในสถานที่กักกันและไม่ได้เป็นการติดเชื้อในประเทศไทย เพราะไทยไม่มีการติดเชื้อในประเทศมานานกว่า 80 วันแล้ว

อีกทั้ง ผลการตรวจเชื้อผู้ใกล้ชิดขณะนี้ก็ยังไม่มีใครติดเชื้อ จึงเป็นไปได้สูงที่จะติดเชื้อจากต่างประเทศแน่นอน ส่วนตอนที่เข้ามาอยู่ในสถานที่กักกันอาจจะหายแล้ว ไม่มีอาการและมีปริมาณเชื้อที่น้อยมากๆขณะอยู่ในสถานที่กักกันจึงตรวจไม่เจอ แต่เมื่ออกจากสถานที่กักกันตรวจพบก็เกิดขึ้นได้ เพราะการติดตามในผู้ที่หายป่วยและมาบริจาคพลาสม่าก็สามารถตรวจเจอชิ้นส่วนของไวรัสเช่นกัน แต่ไม่ใช่ตัวไวรัส และติดตามผู้ใกล้ชิดก็ไม่มีใครติดเชื้อ

ศ.นพ.ยง กล่าวอีกว่า วิธีการตรวจเชื้อไวรัสไวมาก แม้มีไวรัสเพียง 1-2 ตัวก็หาเจอ เพราะการตรวจในปัจจุบันใช้เทคโนโลยีสูง สามารถขยายไวรัสจาก 1 ตัว เป็นล้านๆเท่า เพราฉะนั้น หากหลงเหลืออยู่เพียงเศษซากชิ้นส่วนไวรัสก็สามารถตรวจเจอ แต่กรณีที่บางครั้งตรวจไม่เจอหากมีน้อยมากก็เกิดขึ้นได้ เพราะอาจไปหลบอยู่ตรงจุดที่ป้ายคอไม่โดนในครั้งหนึ่ง แต่เมื่อตรวจซ้ำป้ายคอจุดอื่นก็อาจเจอ จึงไม่แปลกที่หากมีปริมาณน้อยมากจะไม่เจออีกไม่กี่วันอาจตรวจเจอ แต่การเจอกจะเป็นปริมาณที่น้อยๆมากๆ และการเจอซากไวรัสก็ต้องนำไปเพาะเชื้อว่าสามารถแบ่งตัวได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็กับแพร่เชื้อต่อไม่ได้ ซึ่งกรณีเป็นซากชิ้นส่วนใดส่วนหนึ่งของไวรัส โอกาสที่จะกลายเป็นตัวไวรัสเกิดได้ยาก อาจจะต้องใช้วิธีการโคลนนิ่ง และยังไม่ใช่การระบาดระลอก2