ลดประกันสังคมเหลือ 2% อัดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ 2.4 หมื่นล้าน
ครม.ต่ออายุลดเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 2% รวม 3 เดือน เพิ่มเงินระบบเศรษฐกิจ 2.4 หมื่นล้านบาท ช่วยลูกจ้าง 12.7 ล้านคน
การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดเงินสมทบประกันสังคมที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตน
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคโควิด-19 โดยลดการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตน
รวมทั้งผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 96 บาท จากปกติที่ต้องจ่ายเดือนละ 432 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือน ก.ย.–พ.ย.2563
สำหรับการลดหย่อนการจ่ายเงินสมทบครั้งนี้ลดภาระผู้ประกันตน 12.79 ล้านคน คิดเป็นเงิน 13,074 ล้านบาท และนายจ้าง 487,000 ราย คิดเป็นเงิน 11,234 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 24,000 ล้านบาท และคิดเป็นเงินที่ประหยัดของผู้ประกันตนมาตรา 33 เฉลี่ย 1,022 บาท และผู้ประกันตนมาตรา 39 เฉลี่ย 1,008 บาท ใน 3 เดือน
ส่วนกองทุนประกันสังคมจะจัดเก็บเงินสมทบได้ 26,463 ล้านบาท จากปกติที่เก็บได้ 50,775 ล้านบาท โดยเก็บลดลง 24,313 ล้านบาท
ขณะที่ประมาณการรายจ่ายประโยชน์ทดแทนในช่วง 3 เดือน คิดเป็นเงิน 46,667 ล้านบาท ทำให้เงินสมทบที่จัดเก็บต่ำกว่ารายจ่าย และต้องใช้เงินกองทุน 17,204 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนเสียโอกาสจากการลงทุน 1,077 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่ 13) ในการประชุมครั้งที่ 15/2563 เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2563 มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ปี 2563
โดยให้นายจ้างและผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างของผู้ประกันตน เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับงวดค่าจ้างเดือน ส.ค.2563 ถึง ต.ค.2563 เพื่อรักษาระดับการจ้างงานและเพิ่มกำลังซื้อของตลาดในประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานพิจารณาแล้ว เพื่อประโยชน์ของนายจ้างและผู้ประกันตน หากกำหนดให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมโดยเริ่มตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือน ส.ค.2563 ซึ่งจะต้องชำระเงินสมทบภายในวันที่ 15 ก.ย.2563 จะก่อให้เกิดภาระแก่นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่จะต้องมาขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินคืนในงวดค่าจ้างเดือน ส.ค.2563
ประกอบกับเพื่อเป็นการให้ระยะเวลาแก่หน่วยงานภาคเอกชนที่มีหน้าที่ดำเนินการรับชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการลดหย่อนการออกเงินสมทบดังกล่าว กระทรวงแรงงานจึงพิจารณาระยะเวลาการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือน ก.ย.2563 ถึง พ.ย.2563