ผ่าปม ‘การพนันออนไลน์’ กับผลร้ายที่เสียยิ่งกว่าเงิน!
เปิดโลก "การพนันออนไลน์" มีที่มาจากไหน แยกเป็นกี่ประเภท และส่งผลกระทบต่อผู้เล่นการพนันอย่างไรบ้าง?
หลังจากเกิดประเด็นร้อน กระแสข่าวของ “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” หรือ กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ อดีตภรรยา “หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์” ที่ต้องเลิกลาหย่าร้างกัน เนื่องด้วยสาเหตุด้านการเงิน โดยมีประเด็นที่น่าสนใจในกรณีนี้ คือ เรื่องของ “การพนันออนไลน์” ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายหญิงต้องติดหนี้และกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง
“การพนันออนไลน์” นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นการพัฒนาจากการพนันทั่วไป โดยการเล่นการพนันสามารถทำได้ง่ายขึ้นผ่านการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อมีการพัฒนาสู่ การพนันหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” จึงได้รวบรวมข้อมูลเรื่องของการพนัน โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ มาสรุปให้เข้าใจมากขึ้น
- เปิดที่มา “การพนันออนไลน์”
ในอดีตเรามักคุ้นชินกับการพนันแบบออฟไลน์ หรือการเดินเข้าไปบ่อน คาสิโน หรือสถานที่ที่มีการจัดการพนันขึ้น แต่ราวกลางทศวรรษที่ 1990 การพนันออนไลน์ หรือการพนันชนิดต่างๆ ที่เล่นผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น เนื่องจากช่วงนั้นการพัฒนาทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเติบโตขึ้น โดยพนันแยกเป็นประเภทหลัก คือ ลอตเตอรี่ พนันกีฬา และคาสิโน
ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน อธิบายในคอลัมน์ถอดรหัสคาสิโนออนไลน์ ตอนที่ 1 โดยณัฐกร วิทิตานนท์ ว่า จากการค้นหาเว็บไซต์ที่มีคำว่า gambling ในแพลตฟอร์ม google (ข้อมูลเมื่อเดือนธันวาคม 2562) พบว่ามีเว็บไซต์ที่มีคำเกี่ยวข้องมากถึง 251 ล้านเว็บไซต์ โดยมีกว่า 201 ล้านเว็บไซต์ มีคำว่า online gambling และมีกว่า 144 ล้านเว็บไซต์ที่มีคำว่า internet gambling
ทั้งนี้เว็บไซต์การพนันออนไลน์ที่ได้รับอนุญาตแห่งแรกของโลก คือ Swiss Lottery ในชื่อ Loterie Romande เริ่มจำหน่ายลอตเตอรี่ผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1993 ในช่วงเวลาเดียวกันปี 1994 บริษัท Microgambling ของประเทศไอล์ออฟแมน (Isle of Man) ได้สร้างซอฟต์แวร์เกมการพนันสำเร็จ
ประกอบกับบริษัท CryptolLogic ที่ก่อตั้งในประเทศไอร์แลนด์ เริ่มพัฒนาระบบความปลอดภัยขึ้นรองรับการทำธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ขณะเดียวกันประเทศแอนติกาออกกฎหมายดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาจดจัดจั้งบริษัทในประเทศ ด้วยการออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการธุรกิจพนันออนไลน์
และในปี 1995 มีการเปิดเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์แห่งแรกของโลก คือ InterCasino ซึ่งเป็นการจัดตั้งที่ประเทศแอนติกา หลังจากนั้นในปี 1996 อังกฤษและออสเตรเลียตัดสินใจเปิดตลาดการพนันออนไลน์ โดยมีการให้ใบอนุญาตเอกชนดำเนินธุรกิจรับพนันกีฬา อีกทั้งมีแนวโน้มเกิดเว็บพนันออนไลน์เฉพาะทางมากขึ้น
- ประเภทและกลุ่มผู้เล่นการพนันออนไลน์
ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันระบุว่า ซัลลี่ เกนส์เบอร์รี นักวิชาการด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยซิดนีย์ เจ้าของผลงานชิ้นสำคัญอย่าง Internet Gambling : Current Research Findings and Implications (2012) ได้แบ่งประเภทการพนันออนไลน์ไว้ว่ามีทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่ 1.คาสิโนออนไลน์ 2.โป๊กเกอร์ออนไลน์ 3.พนันกีฬาออนไลน์ 4.การพนันอิงเหตุการณ์จริง 5.บิงโกออนไลน์ 6.ลอตเตอรี่ออนไลน์ 7.เว็บไซต์เกมที่ต้องใช้ทักษะ และ 8.เว็บไซต์เพื่อการฝึกฝน
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบการพนันออนไลน์ของสหรัฐและยุโรป พบว่าในสหรัฐ คาสิโนออนไลน์มีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่ารูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะโป๊กเกอร์ออนไลน์ที่แตกออกไปตั้งเป็นเว็บไซต์ต่างหาก ขณะที่ในยุโรป ความสนใจมุ่งไปที่การพนันกีฬามากกว่า
โดยงานวิจัยในสหรัฐหลายชิ้นระบุว่าคาสิโนออนไลน์กับคาสิโนออฟไลน์มีตลาดคนละกลุ่มกัน ทำให้กลุ่มธุรกิจคาสิโนออนไลน์ใช้วิธีการส่งเสริมการตลาดที่หลากหลายเพื่อหวังดึงกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่ใช่ฐานเดิม ทั้งการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีการบรรจุเกมได้หลากหลาย รวมถึงการพัฒนาฮาร์ดแวร์อย่างเช่น VR (Virtual Reality) เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความบันเทิงให้สมจริงขึ้น หรือเทคโนโลยี 3D
นอกจากนี้ยังพัฒนาเว็บไซต์ สร้างความเชื่อมั่นต่อการให้บริการ และการออกแบบที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายต่างๆ อีกทั้งรวมถึงการพัฒนาสื่อโฆษณา ซึ่งมีผลระยะยาวต่อพฤติกรรมการเล่นพนัน
โดยปัจจุบันมีการใช้สื่อออนไลน์เข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์ ช่องทางหลักคือ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ รองลงมาคือ ยูทูบ และระยะหลังมีการใช้สถานที่จริงให้ผู้เล่นพนันตามหาบัตรเล่นการพนันฟรี
โดยสามารถแยกกลุ่มผู้เล่นการพนันออนไลน์ได้เป็น 3 ด้าน คือ 1.เพศ โดยจากการวิจัยและสำรวจจำนวนมากยืนยันว่าผู้ชายเล่นพนันออนไลน์มากกว่าผู้หญิง แต่ด้วยรูปแบบของการพนันนนี้ ทำให้ผู้หญิงหันมาสนใจมากขึ้น เนื่องจากรู้สึกว่าปลอดภัย ไร้ตัวตน เพราะไม่ต้องเล่นต่อหน้าผู้อื่น 2.อายุ ผู้เล่นมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าการเล่นพนันแบบเดิม โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ถูกดึงดูดเข้าสนามการพนันมากขึ้น และ 3.สภาพทางสังคม ผู้เล่นพนันออนไลน์มักมีการศึกษาดี มีงานประจำ มีรายได้สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของคนทั่วไป ซึ่งโดยรวมแล้วพบว่ามีสถานภาพทางสังคมที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากสามารถเข้าถึงโครงช่ายอินเทอร์เน็จ มีความพร้อมของอุปกรณ์และมีความรู้
- 3 เลเวลการติดการพนัน
สำหรับผู้เล่นการพนันนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 เลเวล คือ ระยะแรก เป็นช่วงที่ผู้เล่นชนะรางวัลใหญ่ หรือติดต่อกันหลายครั้ง ผู้เล่นจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เล่นการพนันและจะเพิ่มเงินมากขึ้น ระยะต่อมา ผู้เล่นจะคุยโอ้อวดผลการเล่นพนันที่ชนะมา และเริ่มที่จะเล่นพนันคนเดียว ในช่วงนี้อาจเริ่มคิดถึงการพนันตลออดเวลา ยืมเงินในครอบครัว เพื่อนฝูง นอกจากนี้ในด้านอารมณ์ จะเริ่มมีอาการหงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย ไม่สุงสิงกับใคร ส่งผลให้ครอบครัวเริ่มไม่มีความสุข และไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้
และระยะสุดท้าย ช่วงนี้จะใช้เวลาไปกับการพนันอย่างมาก มีทั้งความรู้สึกร่วม รู้สึกผิด โทษคนอื่นและทำตัวเหินห่างจากครอบครัวและเพื่อน รู้สึกสิ้นหวัง อยากตาย โดนตำรวขจับ หย่าร้าง มีปัญหาการใช้สารเสพพติด ในสุดอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเพื่อนำเงินมาเล่นการพนัน
- ผลกระทบจากการติดการพนันออนไลน์
แน่นอนว่าที่ผ่านมามีนักวิจัยหรือนักวิชาการหลายรายพยายามศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ติดการพนัน ที่มีการเล่นพนันหลายประเภทและใช้เงินจำนวนมาก อย่างเช่น Robert T. Wood กับ Robert J. Williams (2012) ได้ทำงานวิจัยชื่อว่า Higher Net Financial Expenditure on Gambling ซึ่งเชื่อว่าผู้เล่นพนันออนไลน์มีความเสี่ยงติดพนันมากกว่าผู้เล่นในแบบเดิมสูงถึง 3-4 เท่า เช่นเดียวกับงานวิจัยอื่นๆ ที่มีความเห็นในทางเดียวกัน
โดยจากงานวิจัยหลายชิ้นสรุปปัญหาที่ตามมาหลังติดการพนันไว้ 3 ด้าน คือ
1.การเรียน ที่ส่งผลให้ผลการเรียนแย่ลงหรือขาดเรียนบ่อยขึ้น
2.ด้านสุขภาพร่างกาย พบว่าผู้เล่นพนันออนไลน์จะเสพสารเสพติดหรือสูบบุหรี่มากกว่าผู้เล่นแบบเก่า ทั้งนี้จากการศึกษาแบบเจาะจงผู้เล่นพนันออนไลน์ 563 ราย กว่า 45% ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปพร้อมกับการเล่นพนัน อีก 33% สูบบุหรี่ ส่วน 9% เสพกัญชา และอีก 4% ใช้สารอื่นๆ เช่น โคเคน ไอซ์ เพื่อช่วยคลายเครียดและทำให้เล่นพนันได้นานขึ้น
3.สภาพจิตใจ จากงานวิจัยของ Neil Matthews (2009) ระบุว่าช่วงเวลาระหว่างเล่นการพนันออนไลน์จะรู้สึกดี เช่น ลืมปัญหาชีวิต คลายเครียด แต่เมื่อเล่นเสร็จจะมีสภาวะอารมณ์เป็นลบ เช่น กลัว โกรธ หดหู่ เกลียดชัง เป็นต้น จึงทำให้ผู้เล่นเลือกกลับไปเล่นพนัน เพราะช่วงเวลาที่เล่น ช่วยให้รู้สึกดี
ทั้งนี้มีงานวิจัยที่ศึกษาผลกระทบจากการเล่นพนันออนไลน์ที่เกิดในกลุ่มผู้เล่นผู้หญิงโดยเฉพาะ ของ Roberta R. Boughton (2016) พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษา เฉลี่ยแล้วจะเล่นพนันอย่างน้อย 3 ชนิดในหนึ่งเดือน และแม้ผู้เล่นจะไม่ได้มีปัญหาติดการพนัน แต่มีแนวโน้มที่จะเป็น โดยปัญหาที่เกิดขึ้นตามมามีดังนี้
ราว 58% ของผู้หญิงที่ติดการพนันออนไลน์จะใช้เงินถึง 75% ของรายได้ในแต่ละเดือนไปกับการเล่นพนัน รองลงมา 50% มักติดหนี้บัตรเครดิต หรือต้องกู้ธนาคาร ขณะที่ 39% ค้างชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามาด้วย 35% มีพฤติกรรมการกินผิดปกติ และ 31% ต้องยืมเงินจากครอบครัว สูบบุหรี่กับใช้จ่ายช้อปปิ้ง นอกจากนี้อีก 12% ต้องขายทรัพย์สินส่วนตัว และ 11% ล้มละลาย!
ที่มา : gamblingstudy-th.org