เปิดจ.นำร่อง"บัตรทองรักษาทุกที่"คาดเริ่ม1ม.ค.64

เปิดจ.นำร่อง"บัตรทองรักษาทุกที่"คาดเริ่ม1ม.ค.64

นำร่อง"บัตรทองรักษาทุกที่"พื้นที่อีสานใต้ เล็งจ.บุรีรัมย์ "อนุทิน"ย้ำอย่ากังวลทำรพ.แออัด  หากดีขยายทั่วปท. ด้านเลขาฯ สปสช.คาดเริ่มเร็วสุด 1 ม.ค.64 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ว่า ขอย้ำเรื่องที่ยกเลิกคลินิกโกงงบบัตรทอง และกระทบประชาชนตามสิทธิ์ว่า ไม่ต้องกังวล ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์บัตรทองเช่นเดิม บัตรทองไม่มีหาย มีแต่เพิ่มขึ้น จริงๆ คือ ตนต้องการจาก30 บาทรักษาทุกโรค เป็นบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยซ้ำ ไม่มีการตัดสิทธิ์ใดๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด และตนมั่นใจว่า ความเข้าใจผิดตรงนี้มาจากการใส่ร้ายป้ายสีจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ จากการที่ สปสช.ยกเลิกคลินิกต่างๆเหล่านี้ พยายามใส่ร้ายป้ายสี โดยเอาประชาชนเป็นตัวประกัน มากดดัน


“สำหรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่นั้น ดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และขอให้อย่าไปกังวลว่า เมื่อมีนโยบายนี้จะทำให้ประชาชนไปใช้บริการโรงพยาบาลหลัก อย่างโรงพยาบาลใหญ่ๆ จนเกิดความแออัด ไม่เป็นแบบนั้นหรอก เพราะการทำให้ทุกที่เกิดความสะดวกสบายได้นั้น มาจากเรามีข้อมูลสุขภาพของตัวเอง มีข้อมูลทางการแพทย์เตรียมไว้หมดแล้ว เรามีการวางระบบ ซึ่งกำลังพัฒนาอยู่ และจะจัดทำเป็นโซนๆ เพื่อให้เห็นว่า ทำได้ และไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นทั้งผู้รับบริการ และผู้ให้บริการ” นายอนุทิน กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นเลือกสถานที่ใดในการเริ่มนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” นายอนุทิน กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นภาคอีสานตอนใต้
ย้ำว่า เป็นพื้นที่จ.บุรีรัมย์หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อะไรทำนองนั้น เพราะเราต้องเอาที่ที่ควบคุมได้ดี
ต่อคำถามว่า มีผู้เสนอว่าการดำเนินการ 30 บาทรักษาทุกที่น่าจะมีการร่วมจ่ายตามรายได้ของผู้รับบริการ นายอนุทิน  กล่าวว่า รายละเอียดถามเลขาธิการสปสช.ดีกว่า ตนมอบนโยบายเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด ผู้ให้บริการต้องลดภาระ เพื่อให้วิน วิน ทั้งสองฝ่าย

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดทำข้อมูลและเตรียมเสนอรายละเอียดต่อท่านรัฐมนตรีว่าการ สธ. ส่วนพื้นที่นำร่องนั้นคาดว่าจะพิจารณาพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตสุขภาพที่ 9 แถบอีสานตอนใต้ ทั้งจ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชัยภูมิ โคราช ฯลฯ ซึ่งการจัดบริการจะแบ่งเป็นกลุ่มโรค เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ โดยเราจะคัดเลือกโรคที่เป็นปัญหา แต่โรคอื่นๆ ก็ยังเน้นการบริการปฐมภูมิอยู่ ทั้งนี้  จากการหารือเบื้องต้นเร็วสุดอาจเป็น 1 ม.ค.2564 เป็นของขวัญปีใหม่ได้ แต่ถ้าอย่างช้าก็อาจเป็นช่วงเดือนเม.ย.2564