นายกฯอังกฤษเชื่อมั่นกระบวนการเลือกตั้งสหรัฐ

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการเลือกตั้งในสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้น

“ผมมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่อระบบตรวจสอบและถ่วงดุลในรัฐธรรมนูญของสหรัฐ” นายจอห์นสันกล่าว

อย่างไรก็ดี นายจอห์นสันปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าหากนายโจ ไบเดน ประสบชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะส่งผลกระทบอย่างใดต่ออังกฤษ

“ถ้าผมเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในสหรัฐ ผมก็คงไม่ต้องการให้รัฐบาลของชาติอื่นมาแสดงความเห็นต่อการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ผมจึงคิดว่าเราควรเฝ้ารอและจับตาดูในขณะที่การนับคะแนนยังคงดำเนินไป” นายจอห์นสันกล่าว

ด้านนายไมเคิล จอร์จ ลิงค์ ผู้อำนวยการองค์กรความมั่นคงและความร่วมมือแห่งยุโรป (โอเอสซีอี) ในฐานะตัวแทนระหว่างประเทศที่เฝ้าติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า ทีมงานของเขายังไม่พบหลักฐานที่จะสนับสนุนคำกล่าวอ้างของทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 จากพรรครีพับลิกันที่ว่า มีการฉ้อโกงในการนับคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์

นายลิงค์เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์รันฟังค์ เบอร์ลิน-แบรนเดนเบิร์ก(อาร์บีบี)ของเยอรมนีว่า "ในวันเลือกตั้งของสหรัฐนั้น เรายังไม่พบเห็นการละเมิดกฎเกณฑ์ใดๆ ที่คูหาเลือกตั้งต่างๆ ที่เราเดินทางไปสังเกตการณ์"
นายลิงค์ยังกล่าวด้วยว่า เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ทรัมป์กล่าวอ้างเรื่องการฉ้อโกงในการนับคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการใช้วิธีลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19

"เมื่อเราเข้าไปสังเกตการณ์ เราไม่พบว่ามีการละเมิดกฎระเบียบใดๆ" นายลิงค์กล่าวกับอาร์บีบี
นายลิงค์ยังระบุด้วยว่า แม้แต่ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งหรือสื่อมวลชนของสหรัฐเอง ก็ไม่พบหลักฐานการโกงเลือกตั้ง แม้ทีมงานของโอเอสซีอี ได้เน้นย้ำถึงความวิตกที่มีมาช้านานเกี่ยวกับการตัดสิทธิ์ผู้ลงคะแนนบางราย และผลกระทบที่บิดเบือนของกฎหมายการระดมทุนในการหาเสียงก็ตาม

นอกจากนี้ นายลิงค์ยังกล่าวถึงกรณีที่ปธน.ทรัมป์พยายามจะยุติการนับคะแนนเลือกตั้งว่า "ปธน.ทรัมป์ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น และความรับผิดชอบในการนับคะแนนขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ"

โอเอสซีอี เป็นองค์กรที่ตั้งอยู่ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยมีสหรัฐเป็นสมาชิกด้วย โดยองค์กรแห่งนี้ทำหน้าที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งใหญ่ในบรรดาประเทศสมาชิกทั้งหมด