'หวย' เป็นแค่โชคบวกทฤษฎี 'ความน่าจะเป็น' สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เกี่ยว
เปิดผลสำรวจ ผู้หญิงชอบเสี่ยงโชคมากกว่าผู้ชายถึง 6 เท่า พร้อมไขคำตอบทำไม "หวย" รางวัลที่ 1 ถึงเกิดขึ้นได้ยาก ตามหลักทฤษฎี "ความน่าจะเป็น" ชวนนักคณิตคิดเลขเร็วมาดูกันว่า "เลขเด็ด" ที่คุณเลือกมีโอกาสถูกหวยแค่ไหน?
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! คนไทยเล่น "หวย" กันเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อลอตเตอรี่หรือ "สลากกินแบ่งรัฐบาล" ทุกๆ วันที่ 1 และ 16 ของแต่ละเดือน รวมไปถึงการเล่นหวยใต้ดิน ซึ่งบรรดาคนชอบเสี่ยงโชคทั้งหลายก็พยายามตามหา "เลขเด็ด" ตามสถานที่ต่างๆ (ที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์และใบ้หวยแม่น) ด้วยหวังว่าจะถูกหวยและรวยทางลัดง่ายขึ้น
แต่รู้หรือไม่? การได้เลขเด็ดหรือเลขที่ชอบมาซื้อ "หวย" อาจไม่ได้มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คุณคิด เพราะมีผลสำรวจออกมาแล้วว่า ส่วนใหญ่การซื้อหวยแล้วถูกรางวัล มาจากโชคและความบังเอิญของแต่ละคนมากกว่า นอกจากนี้ การที่ใครสักคนจะมีโอกาส "ถูกหวย" นั้น มันมีเรื่องของทฤษฎี "ความน่าจะเป็น" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- "ถูกหวย" มีความเป็นไปได้น้อยกว่า "เสียหวย"
มีข้อมูลจาก ผศ.อำนาจ วังจีน นักวิชาการด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์ สำนักวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้เคยให้ข้อมูลในบทความวิชาการไว้ว่า คนไทยที่ชอบเสี่ยงโชคด้วยการซื้อ สลากกินแบ่งรัฐบาล มักซื้อโดยไม่มีหลักวิชาการเรื่อง “ทฤษฎีความน่าจะเป็น” ทำให้เสียเงินมากกว่าถูกรางวัล
การตัดสินใจซื้อ "หวย" แต่ละครั้ง นักเสี่ยงดวงมักจะมองที่ผลตอบแทนมากกว่าโอกาสที่เสียเงิน เช่น บางคนชอบเสียเงินซื้อเลขท้าย 3 ตัว บ่อยๆ ด้วยมองว่าได้ผลตอบแทนสูงกว่าซื้อเลขท้าย 2 ตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความเสี่ยงของการซื้อเลขท้าย 3 ตัว มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ถูกรางวัล (เล่นหวย 2 ตัว ความเสี่ยงน้อยกว่า 3 ตัวมาก)
นักคณิตศาสตร์อธิบายอีกว่า หลักทฤษฎีความน่าจะเป็น คือ โอกาสเกิดขึ้นของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง มีค่าอยู่ระหว่าง 0-1 หากใกล้ 0 หมายถึงโอกาสเกิดน้อย แต่ถ้าค่าใกล้ 1 หมายถึงมีโอกาสเกิดสูง การเล่นหวยแต่ละครั้งผลออกมาแค่ “ถูก” กับ “ผิด” เมื่อคิดตามหลักทฤษฎีความน่าจะเป็น คือ
ผลตอบแทนคาดหวัง = ผลรวมของ (จำนวนเงินที่จะได้รับ x โอกาสถูก) - (จำนวนเงินที่จะเสีย x โอกาสผิด)
- อยาก "ถูกหวย" รางวัลที่ 1 มีโอกาสเป็นไปได้แค่ไหน?
ผศ.อำนาจ วังจีน ระบุอีกว่า หากนำหลักการของทฤษฎีความน่าจะเป็นมาคำนวณตัวเลข จะทำให้ทราบได้ว่าโอกาสที่ใครสักคนจะถูกหวยรางวัลที่ 1 จากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น มีโอกาสน้อยมาก คิดเป็น 1 ในล้าน!
อีกทั้งมีผลการวิเคราะห์พบว่า "สลากกินแบ่งรัฐบาล"มีค่าคาดหวังต่อการเล่นต่ำมาก ทุกครั้งที่ซื้อสลากฯ มีโอกาสถูกรางวัลทุกประเภทรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นรางวัลที่ 1, 2, 3 หรือเลขท้าย 2-3 ตัวแค่ 0.014 หรือร้อยละ 1.4 เท่านั้น นอกจากนี้หากเปรียบเทียบจาก "ผลตอบแทนความคาดหวัง" หมายถึงถ้าเล่นหวยไปเรื่อยๆ จะเสียเงินสะสมมากขึ้นๆ เช่นกัน
คนไทยส่วนใหญ่มีความเชื่อผิดๆ ว่า ซื้อเลขเด็ดตัวไหน ถ้าไม่ถูกก็ให้ตามตัวนั้นเป็นประจำ แล้วจะมีโอกาสถูกมากกว่าเปลี่ยนตัวเลขไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะเหมือนการหยิบลูกปิงปองแบบสุ่มแล้วใส่คืนลงไปในกล่อง เมื่อหยิบใหม่ โอกาสได้ลูกเดิมจึงไม่ต่างจากลูกอื่นๆ ไม่ว่าจะหยิบกี่ครั้งก็ตาม
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า หวย ทุกประเภทจึงมีค่าการลงทุนเป็นลบ หมายความว่า เจ้ามือหวยหรือกองสลากฯ จะเป็นฝ่ายได้เปรียบผู้ซื้อหวยเสมอ
- คนซื้อ "หวย" มีโอกาส "รวย" แค่ไหน?
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ที่อธิบายไปในทิศทางเดียวกันว่า การซื้อ "หวย" มักจะทำให้ผู้ซื้อเสียเงินมากกว่าถูกรางวัล โดยระบุว่า หวยรัฐบาลมีเลข 6 หลัก ทุกๆ ชุดจะมีตัวเลขไม่ซ้ำกัน 1,000,000 ตัวเลข จำนวนรางวัลที่มีโอกาสถูกรวมทั้งหมดมี 14,168 รางวัล แปลว่า การซื้อหวยแต่ละครั้งมีโอกาสถูกรางวัลแค่ 1.4168 % เท่านั้น แต่มีโอกาสเสียเงินสูงถึง 98.5832%
ค่าความคาดหวังที่จะ "รวย" มีวิธีคำนวณดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น เลขท้ายสองตัว 00 - 99 = 100 ตัวเลข
- โอกาสถูก (เลขเดียว) = 1 ใน 100 หรือ 0.01
- โอกาสไม่ถูกรางวัล = 99 ใน 100 หรือ 0.99
ค่าความคาดหวัง = โอกาสที่จะถูกหรือไม่ถูก X ผลลัพธ์สุดท้าย คือได้เงินหรือเสียเงินเท่าไหร่
ค่าความคาดหวังกรณีถูกรางวัล คือได้เงิน 1,000 บาท = 0.01 x 1,000
ค่าความคาดหวังกรณีไม่ถูกรางวัล (คำนวณตามราคาหน้าสลาก) คือเสียเงิน 40 บาท = 0.99 x -40 (ตัวเลขนี้สมมติว่าคุณซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในราคาคู่ละ 80 บาท ตามราคาสลากที่แท้จริง)
ผลรวมของความคาดหวังที่จะถูกรางวัลเลขท้ายสองตัวคือ (0.01 x 1,000) + (0.99 x -40) = -29.6 บาท แปลว่า ค่าเฉลี่ยที่คุณจะเสียเงินจากการซื้อหวยคือ -29.60 หรือพูดง่ายๆ ว่าโดยเฉลี่ยทุกครั้งที่คุณซื้อหวยคุณจะเสียเงินแน่ๆ 29.60 บาท (เป็นค่าเฉลี่ยจากการซื้อหวยหลายๆ ครั้ง)
- คนไทยติดหวย ซื้อสลากกินแบ่งฯ มากขึ้นจริงหรือ?
เห็นวิธีการคำนวณข้างต้นแล้ว คงจะเห็นแล้วการซื้อหวยนั้นมีโอกาสเสียเงินมากกว่าได้เงินจริงๆ แต่ก็ยังไม่วายมีคนไทยอีกมากมายที่ยังชอบซื้อหวยทุกงวด และมีคนเล่นหวยมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ยืนยันได้จากผลสำรวจ “สถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทย ประจำปี 2560” ของ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ที่เผยแพร่ในปี 2561 ที่ระบุว่า
ประชากรไทยจำนวน 66 ล้านคน อายุ 15 ปีขึ้นไป มี 52 ล้านคน ในจำนวนนี้คาดว่ามีคนไทยเล่นการพนัน 28.93 ล้านคน มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อปี 2558 ประมาณ 1.54 ล้านคน กระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะภาคอีสาน พบว่าเล่นการพนันมากที่สุด 10.51 ล้านคน รองลงมาเป็นภาคกลาง 5.34 ล้านคน, ภาคเหนือ 4.99 ล้านคน, กรุงเทพฯ และปริมณฑล 4.20 ล้านคน และภาคใต้ 3.89 ล้านคน
อีกทั้งพบว่า นักพนันจำนวน 28.93 ล้านคนนั้น หากจำแนกตามเพศ แบ่งเป็นนักพนันหญิง 14.61 ล้านคน เปรียบเทียบกับผลการสำรวจปี 2558 เพิ่มขึ้น 1.31 ล้านคน (9.8%) ส่วนนักพนันชายมี 14.32 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.29 แสนคน (1.6%) สรุปในปี 2560
นักพนันเพศหญิงมีอัตราการเพิ่มสูงกว่านักพนันเพศชายเกือบ 6 เท่า แบ่งเป็นนักพนันหน้าเก่าที่เคยเล่นการพนันมาก่อน มีจำนวน 28.30 ล้านคน และเป็นนักพนันหน้าใหม่ที่ไม่เคยเล่นการพนันมาก่อน แต่เพิ่งมาเริ่มเล่นการพนันในปี 60 มี 6.28 แสนคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นนักพนันหญิง 3.74 แสนคน นักพนันชาย 2.54 แสนคน
ท้ายที่สุด ไม่ว่าคุณเลือกที่จะเล่นหวยหรือไม่เล่น ก็เป็นสิทธิและความเชื่อส่วนบุคคล เอาเป็นว่าข้อมูลนี้น่าจะช่วยให้คนที่อยากเริ่มเล่นหวยได้หยุดคิดไตร่ตรองสักนิดว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนจริงหรือไม่ ก่อนจะกระโดดลงสนามแห่งการเสี่ยงโชค
----------------------------------
อ้างอิง : gamblingstudy-th.org/issues, oknation.nationtv.tv, gamblingstudy-th.org/imgadmins