'คนละครึ่ง' เฟส 2 ได้ข้อสรุปต้น ธ.ค.นี้ คลัง เผยพร้อมช่วยกลุ่ม 'บัตรคนจน' เพิ่ม

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Wealth Forum : ลงทุนอย่างไร..ให้รวย ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง เร่งสรุปการขยายมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 และการเติมเงินค่าครองชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) พิจารณาภายในต้นธ.ค.นี้ ก่อนนำเข้าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป
   
ทั้งนี้ สำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ก็เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนที่อยากได้สิทธิเพิ่มขึ้น ดังนั้นขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งการให้วงเงิน จำนวนสิทธิที่จะขยายเพิ่มเติม และวงเงินที่ใช้ว่ามากน้อยแค่ไหน

ซึ่งหากมีการขยายวงเงินการใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งในเฟส 2 มากขึ้น จากเฟสแรก ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มวงเงินท็อปอัพให้คนที่ได้สิทธิ คนละครึ่งในเฟส 1 ด้วย รวมไปถึงการขยายระยะเวลาการใช้จ่าย ให้ยาวต่อเนื่องไปถึงตรุษจีนปีหน้าด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณา การเข้าไปช่วยเหลือด้านค่าครองชีพให้กับผู้ถือสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมด้วย จากปัจจุบันที่กลุ่มนี้ได้เพิ่มเดือนละ 500 บาท
     
ทั้งนี้ เชื่อว่า งบประมาณภาครัฐจะมีเพียงพอแน่นอน ในการใช้ขับเคลื่อนโครงการต่างๆเหล่านี้ ทั้งเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เป็นส่วนของงบฟื้นฟู 400,000 ล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเหล่านี้ได้
   
"ตอนนี้อยู่ระหว่างให้กรุงไทยไปดูคนที่เคยเข้าลงทะเบียนว่ามีมากน้อยแค่ไหน เพื่อใช้ประเมินในการขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมคนที่อยากได้ เช่น อาจจะเพิ่มเป็น 14-15 ล้านคน ก็ได้ แต่จะต้องดูทั้ง 3 กลุ่ม เพราะถ้าคนไหนคิดว่ามีฐานการเสียภาษีเกิน 10% ก็ควรใช้ช้อปดีมีคืน ซึ่งจะได้เงินคืนอย่างน้อย 3,000 บาท แต่ต้องประเมินก่อน ซึ่งจะดูในภาพรวมทั้งหมด ทั้งคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และวงเงินที่ต้องใช้ด้วย" นายกฤษฎา กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังได้สั่งการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เร่งจัดทำของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ผ่อนชำระดี จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม เช่นที่ผ่านมาที่กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ลดเงินต้นให้กับนักเรียน นักศึกษาที่ชำระหนี้ดี เป็นต้น