ก.แรงงาน ปลดล็อกเงื่อนไข Co-Payment เสริมจ้างงาน นศ.จบใหม่

ก.แรงงาน ปลดล็อกเงื่อนไข Co-Payment เสริมจ้างงาน นศ.จบใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปรับเงื่อนไขโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและเอกชน (Co – payment) ขยายเวลาอุดหนุนค่าจ้างร้อยละ 50 ถึง 31 ธันวาคม 2564

วันนี้ (30 ธ.ค.63) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นความสำคัญของปัญหาการว่างงานในนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และครม.ได้อนุมัติเห็นชอบการปรับแก้คุณสมบัติและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและเอกชน (Co – payment) เพื่อให้นักศึกษาจบใหม่มีโอกาสได้งานทำ และนายจ้าง/สถานประกอบการเกิดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้

1.คุณสมบัติผู้จบการศึกษาใหม่ เป็นมีสัญชาติไทย และอายุไม่เกิน 25 ปี หากอายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษา ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป โดยผู้จบการศึกษาใหม่ที่เคยทำงานและอยู่ในระบบประกันสังคม หากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว สามารถร่วมโครงการฯได้


2.เงื่อนไขสำหรับนายจ้างในการจ่ายค่าจ้าง ให้เป็นไปตามข้อตกลงการจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง โดยรัฐบาลให้การอุดหนุนเงินเดือนค่าจ้างไม่เกินร้อยละ 50 ต่อคนต่อเดือน ตามค่าจ้างจริง ทั้งนี้ รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 7,500 บาท ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ไม่เกิน 5,750 บาท ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ไม่เกิน 4,700 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ไม่เกิน 4,345 บาท


3.ปรับระยะเวลาการดำเนินโครงการ ให้ขยายระยะเวลาร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (จากเดิม 1 ต.ค. 63 – 30 ก.ย. 64)

“สำหรับโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและเอกชน (Co – payment) มีวัตถุประสงค์ให้เกิดการจ้างงานใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาการว่างงานจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยภาครัฐอุดหนุนเงินเดือนครึ่งหนึ่งตามวุฒิการศึกษา จำนวน 260,000 อัตรา ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564 ให้กับนายจ้าง/สถานประกอบการ ที่มิใช่หน่วยงานภาครัฐ อยู่ในระบบประกันสังคม และต้องไม่มีการเลิกจ้างลูกจ้างเดิมเกินกว่าร้อยละ 15 นับจากวันที่ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ จนตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการฯ เพื่อให้ภาคเอกชนเกิดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ และผู้จบการศึกษาใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงานมีรายได้ ในการเลี้ยงดูตนเอง สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะส่งผลดีเป็นลูกโซ่ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้าน นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ในการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและเอกชน (Co – payment) ให้เกิดการบรรจุงานเพิ่มขึ้น และแก้ปัญหาการว่างงานในผู้จบการศึกษาใหม่อย่างเร่งด่วนที่สุด

“ที่ผ่านมากรมการจัดหางาน ติดตามปัญหาและอุปสรรค ความคืบหน้าโครงการฯอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยได้เชิญนายจ้าง/สถานประกอบการ และเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานผู้ปฏิบัติงานจริง มาร่วมประชุมรับฟังปัญหา/ข้อเสนอแนะ ทั้งนี้ข้อเสนอต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ทางกรมการจัดหางานได้รับไปดำเนินการทันที จนเกิดการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคในการร่วมโครงการฯ ในที่สุด ด้วยมุ่งหวังให้นักศึกษาจบใหม่ และนายจ้าง/สถานประกอบการ ได้รับประโยชน์สูงสุดและเสมอภาคกัน ตามภารกิจของกรมการจัดหางาน ในการส่งเสริมการมีงานทำให้กับคนไทยทุกกลุ่ม รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา ให้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน และสร้างแรงจูงใจให้นายจ้าง/สถานประกอบการเห็นถึงความสำคัญของการจ้างงานผู้จบศึกษาจบใหม่และรับเข้าทำงาน” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.จ้างงานเด็กจบใหม่.com และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการตรวจสอบความคืบหน้าการอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ ติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัด ที่ระบุเป็นสถานที่ทำงาน หรือผู้ที่เข้าร่วมโครงการแล้วต้องการความช่วยเหลือเรื่องการรับ-จ่ายเงินค่าจ้าง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน