เปิดไทม์ไลน์ น.ศ. มหิดล 'กาญจนบุรี' ติด 'โควิด-19' หลังกลับจากระยอง
ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี แถลงข่าว หลัง "นักศึกษา" ม.มหิดล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ติด "โควิด-19" หลังจากเดินทางกลับจากการ "เลือกตั้ง อบจ." ที่ภูมิลำเนา "จ.ระยอง"
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการ จ.กาญจนบุรี แถลงข่าวผ่าน เฟซบุ๊ค "สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี" หลังทำการตรวจ "โควิด-19" เชิงรุกในจังหวัด และค้นพบว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ติดเชื้อ "ไวรัสโคโรน่า" หรือ "โควิด-19" เบื้องต้นได้กักตัวนักศึกษารายนี้ไว้แล้ว และกำลังทำการรักษาต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ได้ให้ข้อมูลการเดินทางของ นักศึกษารายได้นี้ ว่ามีการเดินทางไปเลือกตั้ง อบจ. ที่ จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิด เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 63 จากนั้นเดินทางกลับมาที่ จ.กาญจนบุรี จากนั้นทราบข่าวว่าแม่ของนักศึกษารายนี้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 29 ธ.ค. 63 ทำให้มีการตรวจอย่างละเอียด เป็นพบว่านักศึกษารายนี้ติด "โควิด" เช่นเดียวกัน
หลังจากที่ทางจังหวัดทราบเรื่อง มีการเร่งตรวจโรคเชิงรุกใน จ.กาญจนบุรี ในสถานที่ต่างๆ เช่น ในโรงงาน สถานประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า ประกอบอาชีพขนส่ง พนักงานรถโดยสาร ฯลฯ ซึ่งจากการตรวจ 697 ราย ผลการตรวจไม่พบเชื้อ 649 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลตรวจ
- ไทม์ไลน์ของนักศึกษาที่ติดโควิด-19
20 ธ.ค. 63 : ขึ้นรถโดยสาร หมอชิต-กาญจนบุรี จากระยองมาอยู่ที่หอพักไทรโยค ที่กาญจนบุรี โดยสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง
22-26 ธ.ค. 63 : ออกภาคสนามที่วังกระแจะ อ.ไทรโยค
27 ธ.ค. 63 : ออกจากภาคสนาม ที่ อ.เมือง แวะปั๊ม ปตท. ห้าเสาไทรโยค
28 ธ.ค. 63 : เดินทางไปที่หมู่บ้านเขาพัง อ.วังกระแจะ รับประทานอาหารกลางวันที่ครัวสายพิน และแวะ MU Cafe ในมหาวิทยาลัยมหิดล
29 ธ.ค. 63 : เดินทางไปที่เขาพัง วังกระแจะ รับประทานอาหารกลางวันในหมู่บ้าน ก่อนทราบว่าแม่ติดเชื้อโควิด-19 และเดินทางไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลไทรโยค
สำหรับกรณีนี้ มีผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงรวม 11 ราย โดยเป็นเพื่อนที่สัมผัสใกล้ชิด 7 ราย ที่ออกภาคสนามด้วยกัน และมีผู้อื่นที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องอีก 4 ราย รวมเป็น 11 ราย โดยขณะนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงทั้ง 11 รายจะมีการกักตัวที่หอพัก ในตึกที่แยกเฉพาะ เพื่อสังเกตอาการ และอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่
ในเวลาเดียวกัน มีการโดยประสานไปในจุดต่างๆ ที่ผู้ใกล้ชิดและผู้ติดเชื้อได้เดินทางไป เพื่อค้นหาผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ “โควิด-19” ต่อไป