สภาพัฒน์หนุนฟื้นฟู ขสมก. ลั่นรอแผนลงทุนก่อนเคาะ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศช.ได้ส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด ดังนั้นขณะนี้แผนฟื้นฟู ขสมก. ไม่ได้ติดอยู่ที่ สศช. และกระทรวงคมนาคม ไม่จำเป็นต้องนำแผนฟื้นฟูมาให้พิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิด

อย่างไรก็ตามสิ่งที่กระทรวงคมนาคมต้องเสนอมาให้ สศช. พิจารณา คือ แผนการลงทุนในการจัดหารถโดยสารประจำทางใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในแผนฟื้นฟู ถือเป็นกระบวนการปกติของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หากต้องจัดซื้อจัดจ้างต้องส่งมาให้ สศช.พิจารณาด้วย ไม่ได้เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูแต่อย่างใด

“ยืนยันว่าสภาพัฒน์ไม่ได้มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับแผนฟื้นฟู ขสมก. ไม่ได้คัดค้าน เวลานี้หากแผนพื้นฟูจะเข้าครม. ก็เข้าไปได้เลย ไม่ต้องส่งมาที่สภาพัฒน์ เรื่องที่ต้องส่งมาคือแผนที่ ขสมก. จะลงทุนซื้อรถเมล์ใหม่ โดยสภาพัฒน์พร้อมที่จะชี้แจง และเตรียมนัดหารือกับทางกระทรวงคมนาคมในเร็วๆ นี้ หากเรื่องนี้จะมีประเด็นน่าจะอยู่ที่เรื่องภาระหนี้ของ ขสมก. มากกว่า เป็นเรื่องของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพัฒน์” นายดนุชา กล่าว

 

ด้านนายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า แผนฟื้นฟู ขสมก.ถือว่าเป็นแผนที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการจ้างเอกชนวิ่งรถโดยสารตามระยะทางที่ให้บริการ โดยจ่ายค่าจ้างเป็นกิโลเมตร (กม.) เป็นแนวคิดที่ดีมาก เพราะ ขสมก. จะได้ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าซ่อมบำรุง และค่าเสื่อมสภาพของรถโดยสารจำนวนมากเหมือนในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี แนวคิดลักษณะนี้ คิดกันมาหลายยุคหลายสมัย แต่ยังไม่สามารถนำมาดำเนินการเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนได้ เวลานี้ที่มีข่าวว่าแผนฟื้นฟูอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สศช.นั้น ส่วนตัวมองว่า สศช.น่าจะเห็นด้วยในหลักการ เพียงแต่รายละเอียดการปฏิบัติเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในแผนฟื้นฟูทาง สศช.อาจยังไม่มั่นใจ จึงเป็นเรื่องที่ ขสมก. ต้องชี้แจงให้ได้ เชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก

สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับนี้ มีข้อเสนอแนะ 2 เรื่อง คือ 1.การจัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาทต่อคนต่อวัน ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางขึ้นรถโดยสารหลายต่อ จะช่วยประหยัดได้มาก แต่เชื่อว่าผู้โดยสารทุกคนคงไม่ได้หันมาซื้อตั๋วแบบ 30 บาทตลอดวันทั้งหมด ดังนั้น ขสมก. จึงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ในทางปฏิบัติอย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าควรต้องศึกษา และสำรวจพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารอย่างละเอียด รวมทั้งควรทดลองการจำหน่ายตั๋ว 30 บาทตลอดวัน

และ 2.รูปแบบการจัดเก็บรายได้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการนำตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ดังนั้นในทางปฏิบัติต้องพิจารณาให้ดีว่าจะควบคุมเรื่องการเงินอย่างไร ไม่ให้เกิดปัญหารายได้รั่วไหล

“มีหลายคนอาจกังวล และมองว่าการจ้างเอกชนวิ่ง และจ่ายเงินค่าจ้างตามระยะทาง จะเป็นการฮั้วให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องของกระบวนการในอนาคต ที่ต้องมีระบบการตรวจสอบที่ดี และเข้มข้น หากเรามาเริ่มตั้งแง่กันตั้งแต่วันนี้ คงไม่ต้องเริ่มทำอะไรกัน” ดร.สุเมธ กล่าว