ดอกไม้แห่งรัก และเรื่องเล่าในอดีต ที่'เกาะสีชัง'

ดอกไม้แห่งรัก และเรื่องเล่าในอดีต ที่'เกาะสีชัง'

'เกาะสีชัง' เคยเป็นที่ประทับเวลาแปรพระราชฐานในฤดูร้อนของรัชกาลที่ 5 และเป็นสถานที่พักฟื้นของเจ้านายและคนต่างชาติ เนื่องจากมีทะเล ต้นไม้ และดอกไม้ที่งดงาม

ทุกครั้งที่เดินทางมาเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ก็จะรู้สึกว่า จะได้สัมผัสกับความงามที่หาสิ่งใดเปรียบเปรยไม่ได้เลย ที่นั่นเป็นเกาะที่แสนโรแมนติก มีเรือนไทยโบราณริมทะเล ต้นไม้โบราณชายฝั่ง เสมือนสวนแห่งรักในเทพนิยาย เพราะรูปทรง แสง และเงาของต้นไม้ที่เรียกว่า "ลั่นทม" อยู่คู่กับเกาะแห่งนี้มานาน

ช่วงวันที่ 6-19 มกราคม 2564 งดเดินทางท่องเที่ยวไปเกาะสีชัง เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด และคงอีกไม่นานทุกอย่างจะกลับสู่ชีวิตปกติ ถ้าถึงวันนั้นก็จะได้ไปสัมผัสทะเลและดอกไม้หอมๆ บนเกาะ

ในอดีตเกาะสีชังเป็นสถานที่พักฟื้นที่ชาวไทยและต่างชาติให้ความนิยมมาก เพราะมีท้องฟ้าสีคราม สายลม แสงแดด ทะเล ดอกไม้งาม และเรือนโบราณ

161077984834

หากจะย้อนรอยประวัติศาสตร์สักนิด...

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในช่วงที่พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ทรงมีพระอาการประชวร แพทย์หลวงได้ถวายคำแนะนำให้พักรักษาตัวที่เกาะสีชัง ตอนนั้น รัชกาลที่ 5 ทรงมีความห่วงใยก็เสด็จไปทรงอภิบาลพระราชโอรสเป็นประจำ

ในปี พ..2431 จึงได้สร้างตึกสามหลังขึ้นจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สำหรับเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วย และในปี พ..2435 ได้โปรดเกล้าให้สร้างพระราชฐานขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับเวลาแปรพระราชฐานในฤดูร้อน พระราชทานนามว่า จุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอที่ประสูติที่เกาะสีชัง

             

นอกจากพระราชฐานที่น่าประทับใจแล้ว สะพานอัษฎางค์ เรือนไม้สีขาวก็มีความงดงามอีกสไตล์หนึ่ง เวลาเดินทางมาที่นี่ ก็ต้องแวะมาถ่ายภาพ เป็นจุดเด่นอีกแห่งบนเกาะสีชัง รวมถึงเรือนไม้สีเขียวริมทะเล ไม่ว่าจะยืนอยู่มุมไหน ก็ดูงดงาม

ไม่ไกลกันนัก เรือนสีขาวอีกหลังที่หลายคนเรียกว่า เรือนวัฒนา เป็นเรือนที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระราชทานนามตามพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เมื่อ พ.. 2432 เพื่อเป็นที่พักฟื้นสำหรับชาวไทยและต่างประเทศ

161077991531

และต่อมาใช้เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐานในพ.. 2435 ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นบนเกาะสีชัง ในสมัยรัชกาลที่ 5

และไม่ว่าจะไปเกาะสีชังกี่ครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหลงรักเกาะแห่งนี้ ดอกไม้เฉดสีขาวที่หลายคนเห็นแล้วเป็นต้องตกหลุมรัก ไม่ว่าจะตอนออกดอกเต็มต้น หรือไร้ดอก ไร้ใบ ก็มีความงามในห้วงเวลาที่ต่างกัน

ที่นั่นไม่ได้ปลูกลั่นทมแค่ต้น สองต้น แต่มีจำนวนมาก และเจ้าดอกไม้โบราณชนิดนี้ก็มีประวัติยาวนาน  มีลำต้นที่ดูแปลกตา กิ่งก้านอ่อนช้อย  แม้จะมีความเชื่อว่า เป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับความตาย นิยมปลูกในวัดและสุสาน

แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ค่านิยมก็เปลี่ยน ปัจจุบัน ลั่นทมกลายเป็นต้นไม้ที่นิยมปลูกในบ้านและรีสอร์ทมากขึ้น

ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า ดอกจำปา และไม่น่าเชื่อว่า ในสมัยที่ลาวเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศสได้ใช้ดอกลั่นทมเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้เรียกร้องอิสรภาพ

 

ว่ากันว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการนำลั่นทมสีขาวมาจากอินโดนีเซีย โดยนำพันธุ์โบราณมาปลูกไว้ที่พระราชวังจุฑาธุชราชฐานบนเกาะสีชัง จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเกาะจนถึงทุกวันนี้ และมีการนำสายพันธุ์ลั่นทมชนิดอื่นๆ มาจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อผสมสายพันธุ์ใหม่อีกมากมายในบ้านเรา

161078590772

ทั้งๆ ที่ลั่นทมมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่มันเดินทางไกลมาอยู่ถิ่นฐานแถบเอเชีย ไม่ว่าคนลาว คนอินโดนีเซีย และคนไทย ต่างหลงรักลั่นทม

นอกจากนี้ ลั่นทมยังเป็นไม้ที่เติบโตได้ดีในที่แล้ง ร้อน ไม่สูงมากนัก มีความสูงไม่เกิน 12 เมตร ลั่นทมที่นิยมปลูกมักจะเป็นดอกสีขาว ต้นสูงไม่ถึง 6 เมตร และยังมีลั่นทมขาวพวง สูงประมาณ 8 เมตร ,ลั่นทมใบลูกศร ต้นสูง 3 เมตร และลั่นทมดอกแดง ต้นสูง 7 เมตร

จากที่เมื่อก่อนมีไม่กี่สายพันธุ์ในเมืองไทย แต่ต้นไม้ชนิดนี้ขยายพันธุ์ได้ง่าย แค่ตัดมาปักชำ ก็ขยายพันธุ์ได้แล้ว คนไทยจึงนิยมปลูกลั่นทมมากขึ้นเรื่อยๆ

และครั้งใดที่นึกถึงดอกไม้แห่งรักชนิดนี้ เป็นต้องนึกถึงเกาะสีชัง

 """""""""""""""""

ภาพจากเพจ : เกาะสีชัง