CBG พุ่งออลไทม์ไฮ ‘น้ำวิตามิน’สตาร์ตัวใหม่

CBG พุ่งออลไทม์ไฮ ‘น้ำวิตามิน’สตาร์ตัวใหม่

ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เลือกเล่นเก็งกำไรรายตัวเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่โดดเด่นเข้าตาเรียกว่า “ออร่า” จับ ขอมอบตำแหน่งให้กับหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ที่ราคาพุ่งติดสปีด เดินหน้าทำ “ออลไทม์ไฮ” พร้อมๆ กับวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 141 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.08% ระหว่างวันไปแตะจุดสูงสุดที่ 145 บาท ท่ามกลางความหวังว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2563 จะโตเด่นได้เห็นนิวไฮใหม่ แม้โควิด-19 จะกลับมาระบาดอีกรอบ แต่ผลกระทบยังจำกัด

โดยไตรมาสสุดท้ายถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ แถมยังได้อานิสงส์จากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว บวกกับมีมาตรการรัฐอย่าง “คนละครึ่ง” มาช่วยกระตุ้นอีกแรง การันตีได้ว่าไม่น่าทำให้นักลงทุนผิดหวัง 

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ คงต้องยอมรับว่าไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะตลาด เครื่องดื่มชูกำลัง บ้านเราเติบโตต่ำมาหลายปี หรือว่าจะถึงจุดอิ่มตัว? กลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับผู้เล่นในตลาด ไม่ว่าแบรนด์คุณจะเก่าแก่แค่ไหน? จะใหญ่แค่ไหน? ล้วนได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด

ดังนั้น หากใครปรับตัวไม่ทันไม่รอดแน่ แต่ CBG พิสูจน์มาให้เห็นแล้วว่าไหวตัวทัน เริ่มตั้งแต่การเบนเข็มรุกเจาะตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีที่ชื่นชอบสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังเคยโกอินเตอร์ไปเจาะตลาดในอังกฤษและยุโรป แต่อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่ากับที่คาดหวัง

แต่ที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้นตลาดจีน ถือเป็นแหล่งขุมทรัพย์สำคัญด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาล โดยมีการบริโภคเครื่องดื่มชูพลังงานมากกว่า 2 หมื่นล้านยูนิตต่อปี ซึ่งหากเทียบกับยอดขายของบริษัทในจีนที่ตกปีละราวๆ 100 ล้านยูนิตแล้ว ยังมีโอกาสให้ท้าชิงอีกมาก

อย่างไรก็ตาม คงต้องงัดไม้เด็ดวิทยายุทธต่างๆ ออกมาสู้กันอย่างเต็มที่ เพราะจีนถือเป็นตลาดปราบเซียน มีคู่แข่งนับไม่ถ้วน ทั้งแบรนด์ท้องถิ่นเจ้าตลาดที่แข็งแกร่งและบิ๊กเนมจากต่างชาติอีกมากมาย

โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศแซงหน้าตลาดในประเทศมาหลายปีแล้ว ล่าสุดอยู่ที่ 49% ของยอดขายรวมทั้งหมด ซึ่งบริษัทเองก็วาดหวังว่ายังมีโอกาสขยายตัวได้อีกเยอะ

“การแตกไลน์สินค้าใหม่” เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ถูกงัดออกมาใช้ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาลูกค้าเดิม ที่เห็นได้ชัดเลยในปีนี้คือการกระโดดลงสนาม “เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ” ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในยุคโควิด

โดยมี “น้ำวิตามินซี” เป็นตัวชูโรง แน่นอนว่า CBG ไม่พลาด แถมไปคว้าพิธีกรดัง “วู้ดดี้” วุฒิธร มิลินทจินดา" มาเป็นพาร์เนอร์ ส่ง “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” ลงสมรภูมิตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ซึ่งไม่ทำให้ผิดหวังโกยยอดขายกระฉูด วางขายช่วงแรกผลิตแทบไม่ทัน

ดูจากผลตอบรับแล้วยังไปได้สวย โดยปีนี้มีแผนออกสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” อีกอย่างน้อย 1 ผลิตภัณฑ์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านขวด แต่ที่อยากให้จับตาห้ามกระพริบเป็นเครื่องดื่มตัวใหม่เกาะกล่องที่จะมาพร้อมกับคุณสมบัติเด่น คือ เมื่อดื่มไปแล้วจะช่วยให้ “ผ่อนคลาย” เชื่อว่าเปิดตัวมาฮือฮาแน่นอน

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2563 ยังเติบโตต่อเนื่อง กำไรปกติทำนิวไฮใหม่ทะลุ 1 พันล้านบาท อยู่ที่ 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 35.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของรายได้ที่ 4,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 21.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

หลังโรงบรรจุกระป๋องใหม่เริ่มทำการผลิต หนุนรายได้ในกลุ่มซีแอลเอ็มวีเติบโตเด่น ขณะที่รายได้ในประเทศฟื้นตัวตามการบริโภค โดยคาดว่าเครื่องดื่ม “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” จะทำยอดขายได้ราว 40 ล้านขวด หลังเริ่มวางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และขายไปได้แล้ว 50-60 ล้านขวด ด้านรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอกยังโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 4,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากการฟื้นตัวของรายได้ในประเทศและกลุ่มซีแอลเอ็มวี อานิสงส์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง และการออกสินค้าใหม่ แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะแพงที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่ม หากพิจารณาในแง่ของ PER แต่เมื่อเทียบกับการเติบโตในระยะ 5 ปีข้างหน้า ยังน่าสนใจ เพราะยังมีตลาดใหม่ๆ ที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก