ภท. รอฟังพปชร.ลงดาบส.ส.โหวตสวนมติพรรค
ภท. รอฟังพปชร.ลงดาบส.ส.โหวตสวนมติพรรค ชี้คนละกรณี “3ส.ส.ภท.” โหวตสวน เหตุไม่ใช่มติพรรคร่วมฯ
ที่พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า สืบเนื่องจากการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ที่สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลบางท่านลงมติฝืนมติคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และวานนี้ (22 ก.พ.) พรรคพลังประชารัฐประชุมเร่งด่วน และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาบทลงโทษสมาชิก ที่ไม่ดำเนินการตามมติพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะใช้เวลา 15 วัน
เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยเคารพการตัดสินใจของพรรคพลังประชารัฐ โดยจะรอ 15 วัน ว่าคณะกรรมการดังกล่าวจะมีการดำเนินการอย่างไร ดังนั้น ระหว่างรอผลเราจะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น แต่จะกำหนดท่าทีหลังจากนั้น
นายภราดร กล่าวอีกว่า ส่วนการนำกรณีที่เกิดขึ้นไปเปรียบเทียบกับกรณีนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย เมื่อครั้งโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สมาชิกท่านดังกล่าวโหวตงดออกเสียงไม่เลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งไม่สามารถนำสองเหตุการณ์นี้มาเปรียบทเทียบกันได้ เพราะเหตุการณ์ของนายสิริพงษ์เกิดขึ้นก่อนที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล วันนั้นไม่มีมติพรรคร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่มติพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่มี
ดังนั้น สองเหตุการณ์จึงนำมาเปรียบเทียบกันไมได้ หรือแม้แต่กรณีของตนกับนายกรวีย์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย โดยอ้างถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมัยที่แล้ว ตนและนายกรวีย์ โหวตสวนมติพรรคร่วมในการให้โหวตเพื่อปิดอภิปรายขณะนั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นมติพรรคร่วมหรือวิปรัฐบาล เป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม การกระทำของทั้งตน นายกรวีย์ และนายสิริพงษ์ ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยที่จะหาข้ออ้าง แต่ยืดอกรับว่าพวกเรากระทำผิดต่อมติพรรค และพร้อมรับโทษที่ทางพรรคได้กำหนดบทลงโทษ พวกเราไม่เคยปฏิเสธโทษที่ทางพรรคได้พิจารณา พวกเรากล้าทำก็กล้ารับ ไม่เคยอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่เคยพูดว่าไม่เดียงสาทางการเมือง และไม่เพียงแค่เอ่ยคำขอโทษ แต่พวกเรารับคำวินิจฉัยของพรรคเมื่อพรรคลงโทษ พร้อมรับโทษทุกประการที่พรรคพิจารณา
ด้าน นายสิริพงษ์ กล่าวว่า สำหรับบทลงโทษที่ตนได้รับจากการลงมติสวนมติพรรคในการโหวตเลือกนายกฯ คือ ถูกตัดสิทธิ์จากตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของวิป กรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ ประธานกมธ.คณะต่างๆ งดการแสดงบทบาทภายในพรรค และงดการสนับสนุนพื้นที่เป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งเป็นบทลงโทษที่หนัก
“ผมไม่เคยออกมาบอกว่าสงสารผมเถอะ ผมพูดเหมือนเดิมทุกครั้ง เพราะคำตอบของผมมีอยู่อย่างเดียว ผมเชื่อว่าคนที่ดูก็เห็นเจตนาอยู่แล้วว่าผมทำเพราะอะไร และเรารับผลอย่างไร กระทั่งคนในพื้นที่ผมที่จ.ศรีสะเกษยังรู้เลยว่าผมโดนอะไรบ้าง ดังนั้น บทลลงโทษของพรรคมีอยู่ หน้าที่ของเราเราก็รับ สิ่งที่ผมจะบอกเขาคือถ้าเขาทำอะไรก็ต้องรอรับผลนั้นเหมือนที่พวกผมเป็น” นายสิริพงษ์ กล่าว