พาณิชย์ ตั้งเป้าค้าชายแดน-ผ่านแดน ปี 64 โต 3-6 %

พาณิชย์ ตั้งเป้าค้าชายแดน-ผ่านแดน ปี 64 โต 3-6 %

พาณิชย์ร่วมเอกชน ประเมินเป้าการค้าชายแดนและผ่านแดนปี 64 โต 3-6%  หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว เตรียมประสานผู้ว่าฯ พิจารณาเปิดด่านทันที หากโควิด-19 คลี่คลาย พร้อมอัดกิจกรรม

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้หารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อประเมินสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนปี 2564 แล้ว เห็นตรงกันว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ตามการส่งออกที่คาดว่าปีนี้จะเป็นช่วงขาขึ้น โดยประเมินว่าจะมีอัตราการขยายตัว 3-6 หากโต 3 % จะมีมูลค่า 1,358,000 ล้านบาท แต่หากโต 6 จะมีมูลค่า 1,398,0001.398 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

“คาดว่า  เศรษฐกิจทั้งของไทยและเพื่อนบ้านจะฟื้นตัวดีขึ้น เพราะเริ่มมีวัคซีน และกำลังจะฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภคสินค้า จึงส่งผลดีต่อการค้าชายแดนของไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเมินว่า การค้าชายแดนของไทยกับมาเลเซีย สปป,ลาว กัมพูชา และเมียนมา น่าจะดีขึ้น ยกเว้นเมียนมา ที่ต้องจับตาดูในช่วงนี้ ส่วนการค้าผ่านแดนไปยังจีนตอนใต้ เวียดนาม และสิงคโปร์ น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง”นายกีรติกล่าว

    161425330787        

นายกีรติ กล่าวว่า สำหรับแผนการผลักดันการค้าชายแดน กรมฯ ได้ส่งสัญญาณไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดน และมีด่านการค้าตั้งอยู่ ให้รีบพิจารณาเปิดด่านในทันที หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะด่านสำคัญๆ ซึ่งอาจจะเริ่มผ่อนคลายให้เฉพาะการส่งออก นำเข้าสินค้าก่อน เพื่อให้การค้าขับเคลื่อนได้ ส่วนคนเดินทางอาจจะพิจารณาทีหลัง เพราะปัจจุบัน มีด่านที่เปิดให้บริการอยู่เพียง 39 ด่าน จาก 97 ด่านทั่วประเทศ

ส่วนกิจกรรมที่วางแผนดำเนินการเพื่อสนับสนุนการค้าชายแดน จะปรับมาใช้ช่องทางออนไลน์ โดยเดิมเคยจัดมหกรรมการค้าชายแดน นำสินค้าไทยไปจัดแสดงและจำหน่าย และเชิญผู้ซื้อผู้นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาซื้อสินค้า ก็จะปรับเป็นรูปแบบออนไลน์ และให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา หรือมาเลเซีย ประสานผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ให้มาเจรจาธุรกิจแบบออนไลน์กับผู้ประกอบการของไทย

161425332879           

นอกจากนี้ มีแผนที่จะผลักดันสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น สินค้าที่มีแบรนด์ เข้าไปจำหน่ายให้ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มมีกำลังซื้อสูง และต้องการสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีความต้องการอยู่แล้ว ก็จะผลักดันให้มีการจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน จะเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่ โดยกำลังพิจารณาว่าหากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ก็จะจัดทีมลงไปในพื้นที่ชายแดน นำทีมโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อไปดูว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไร จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร และหากต้องประสานหน่วยงานอื่น กระทรวงอื่น ก็จะเร่งดำเนินการช่วยเหลือต่อไป รวมทั้งจะเร่งรัดให้มีการเปิดด่านหนองเอี่ยน-สตึงบท เพื่อลดความแออัดของด่านศุลกากรอรัญประเทศ