เฟทโก้ ชี้รัฐบาลเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นการจ้างงาน-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ดันจีดีพีโตเต็มศักภาพ 3.5-4% จาก 'สภาพัฒน์ฯ' คาดปีนี้โตเพียง 2.5% เผยหากไทยมีแผนเปิดประเทศ-วัคซีนกระจายทั่วถึง หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าครึ่งปีหลังต่อเนื่องปีหน้า
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ เฟทโก้ บรรยายพิเศษ ในงานสัมนา ส่งหุ้นไทย..ฝ่าวิกฤติโควิดระลอกใหม่ หัวข้อ 'จับทิศเงินทุนเคลื่อนย้าย' ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็นขาขึ้นในช่วง2ปีจากนี้ เพราะเม็ดเงินสภาพคล่องในโลกสูง ขณะที่ความกังวลเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขยับสูงขึ้นยังไม่น่ากังวล และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงไม่ลด QE ทำให้เม็ดเงินเลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นและกองทุนหุ้น
ทั้งนี้ปัจจุบันเม็ดเงินต่างชาติเริ่มไหลเข้าตลาดประเทศเกิดใหม่ เพราะนักลงทุนกลับมาสนใจหุ้นในธีมฟื้นตามเศรษฐกิจ อย่างหุ้นวัฏจักร หรือ หุ้นมูลค่า มากกว่าหุ้นเทคโนโลยีหรือหุ้นเติบโต ซึ่งตลาดประเทศเกิดใหม่และไทย มีหุ้นวัฏจักรในตลาดค่อนข้างมากอยู่แล้ว และราคาหุ้นตลาดประเทศเกิดใหม่มีความน่าสนใจกว่าหุ้นตลาดประเทศพัฒนาแล้ว
สำหรับตลาดทุนไทยในช่วงนี้เม็ดเงินต่างชาติยังเข้ามาไม่มาก เป็นลักษณะซื้อๆขายๆ เพราะ เม็ดเงินต่างชาติจะไหลไปประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตสูงก่อน เช่น สหรัฐ จีดีพีโต 6% ในปีนี้ ส่วนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังโตต่ำสุดในอาเซียน
อย่างไรก็ตามหากประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีแผนการเปิดประเทศเป็นที่ยอมรับ ภาคการท่องเที่ยวฟื้น เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และในปีหน้า ยังเป็นอีกปีที่ดีสำหรับตลาดหุ้นไทยได้แน่นอนเพราะได้ประโยชน์จาการฟื้นตัวเศรษฐกิจและท่องเที่ยวเต็มปี จากปีนี้ได้รับผลดีแค่ไตรมาส 4
'ตลาดหุ้นไทยไม่น่าห่วง ช่วงนี้เม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลเข้าๆ ออกๆ อาจมีพักฐานระยะสั้นบ้าง หลังจากขึ้นร้อนแรงในไตรมาส 4 ปีก่อน แต่การพักฐานเชื่อว่าไม่ได้ลงลึกหลุด 1,400 จุด และตั้งแต่กลางปีนี้หุ้นไทยยังมีโมเมนตัมที่ดีขึ้น จากความคาดหวังท่องเที่ยวฟื้นตัว จากกระจายวัคซีนและการเปิดประเทศ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า คาดว่าดัชนีสิ้นปีนี้ขยับขึ้นไปแตะ 1,600 จุดได้ และยังเป็นขาขึ้นต่อได้ในปีหน้าที่เศรษฐกิจยังมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง หากทุกอย่างเป็นไปตามที่คาด'
นายไพบูลย์ มองว่า หลังจากนี้รัฐบาลยังคงต้องอัดเม็ดเงินเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง เน้นเรื่องการจ้างงาน เพื่อให้คนมีงานทำ และเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้โอกาสจากเงินบาทแข็งค่าในการนำเข้าสินค้าต่างๆ คาดว่า จะทำให้ เศรษฐกิจไทย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพที่ระดับ3.5-4% จากปีนี้ ที่คาดจีดีพีโตเพียง 2.5% ซึ่งถือว่าโตต่ำกว่าศักยภาพ
'มองว่า จีดีพีไตรมาส 2ไตรมาส 3และไตรมาส 4ของไทยปีนี้ ยังเป็นบวกได้ แต่ยังเป็นบวกที่ต่ำอยู่ หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเรื่องวัคซีน เมื่อฉีดแล้ววัคซีนมีประสิทธิภาพและกระจายทั่วถึงหรือไม่ ท่องเที่ยวน่าจะกลับมาได้ไตรมาส 4 ได้หรือไม่ เป็นปัจจัยเสี่ยงอยู่ แต่ปีหน้าเรายังมีสตอรี่ของการเติบโตที่ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ทำให้ปีหน้าเรามีโอกาสกลับมาเติบโตเท่ากับหรือสูงกว่าศักยภาพได้'
ทางด้านแนวโน้มเงินบาทมองว่า ยังเป็นทิศทางแข็งค่า จากทิศทางเงินดอลลาร์อ่อนค่าในระยะยาว ซึ่งเชื่อว่า เราจะสามารถบริหารจัดการไม่ให้เงินบาทแข็งค่าจนเกินไปจนกระทบภาคส่งออก และเป็นโอกาสของการนำเข้า ลดการเกินดุล เชื่อว่า เงินบาทในปีนี้น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ได้
ส่วนมาตรการวัคซีนพาสปอต มองว่า เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ดีในการเดินทาระหว่างประเทศ ซึ่งเราเป็นประเทศท่องเที่ยว อาจจะต้องทำเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้