4 วิธี 4 ผลิตภัณฑ์ต้าน-เสริม ป้องกัน "โรคภูมิแพ้"
คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยเป็น "โรคภูมิแพ้" จำนวนมาก ยิ่งในประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม "ฝุ่นPM2.5" ปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้ทุกคนเป็นโรคได้มากขึ้น
จากการสำรวจในประเทศไทย พบว่า มีอุบัติการณ์ "โรคภูมิแพ้"เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 23-30 และโรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้หรือ "โรคหอบหืด" ร้อยละ 20-15 โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ร้อยละ 15 และโรคแพ้อาหาร ร้อยละ 5
"โรคภูมิแพ้" จะพบในเด็กสูงกว่าผู้ใหญ่ และเด็กไทยมีอาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูก ประมาณ ร้อยละ 40 หรือประมาณร้อยละ 13 ของเด็กไทย ซึ่งชนิดของ "โรคภูมิแพ้" ที่พบบ่อย แบ่งตามระบบของร่างกายออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1.โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ 2.โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง 3.โรคภูมิแพ้ทางตา และ4.โรคภูมิแพ้หลายระบบหรือแบบช๊อค
- 3 อันดับแรก “โรคภูมิแพ้” ที่คนไทยเป็นมากสุด
พญ.อรพรรณ โพชนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิแพ้ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า "โรคภูมิแพ้" เป็นโรคที่เป็นแล้วรักษาหายได้ แต่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งโรคภูมิแพ้ที่คนไทยเป็นมากสุด 3 อันดับ คือ อันดับ 1 โรคภูมิแพ้อากาศ ประมาณ 40% อันดับ 2 โรคภูมิแพ้ "หอบหืด" โดยเด็กเป็นประมาณ 15% และในผู้ใหญ่ประมาณ5% ส่วนอันดับ 3 โรคผื่นแพ้ผิวหนัง 10% นอกจากนั้น ก็มีโรคภูมิแพ้อาหาร ภูมิแพ้เกสรดอกไม้ ภูมิแพ้ทางตา และบางคนก็เป็นภูมิแพ้หลายชนิดในคนๆ เดียว
“โรคภูมิแพ้ หลายคนเข้าใจว่าคนๆ นั้นภูมิต่ำ แต่จริงๆ ไม่ใช่ โรคภูมิแพ้ เกิดจากความสมดุลในระบบร่างกายของคนๆ นั้น มีความผิดปกติไปจากเดิม และภูมิแพ้ คือ มีภูมิไวเกิน เจออะไรก็จะแพ้ง่าย จะมีอาการทันที และจะเป็นเรื้อรัง เป็นแล้วหายได้แต่ต้องใช้เวลา” พญ.อรพรรณ กล่าว
ปัจจัยที่ทำให้เป็น "โรคภูมิแพ้" ในปัจจุบันพบว่า ทฤษฎี "สภาพแวดล้อม" มีความสำคัญมากกว่าพันธุกรรม เพราะทุกวันนี้มีคนจำนวนมากที่คนในครอบครัวไม่ได้เป็น "โรคภูมิแพ้" แต่ตัวเองเป็น "โรคภูมิแพ้" ยิ่งสภาพอากาศ มี "ฝุ่นPM2.5"ยิ่งทำให้ "โรคภูมิแพ้" กระตุ้นให้พื้นที่ผิวถูกทำลาย และเกิดสารภูมิแพ้อย่างอื่นได้ง่าย สภาพแวดล้อมเปลี่ยนยีนส์จากคนที่ไม่เป็นภูมิแพ้สามารถเป็นได้
- สภาพแวดล้อม "ฝุ่นPM2.5” ปัจจัยกระตุ้น "โรคภูมิแพ้"
สำหรับอาการเบื้องต้น ที่ทุกคนสังเกตได้ คือ คนเป็นภูมิแพ้จะไวต่อสิ่งกระตุ้น และจะเป็นซ้ำๆ เป็นๆ หายๆ เพราะบางคนบางช่วงที่ไม่เป็นเนื่องจากช่วงนั้นมีภูมิต้านทานดี แต่เมื่อภูมิต่ำมีอาการ "โรคภูมิแพ้" ทันที ซึ่งอาการภูมิแพ้แต่ละประเภทจะมีอาการแตกต่างกัน
เช่น โรคภูมิแพ้อากาศ จะมีอาการน้ำมูกใส โดยจะไหลออกมาหรือไหลลงคอ จาม คันจมูก อาจมีอาการไอเรื้อรังหรือกระแอม ซึ่งเกิดจากเสมหะไหลลงคอ บางคนมีอาการปวดศรีษะเรื้อรัง นอนกรน หรือถอนหายใจบ่อย ๆ ปากแห้ง บางคนมีอาการคันหัวตาโดยไม่มีอาการตาแดง หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีอาการคัน ผื่นแดงแห้ง บริเวณตามผิวหนัง หรือภูมิแพ้อาหารจะมีอาการผื่นแดง และท้องเสีย เป็นต้น
พญ.อรพรรณ กล่าวต่อว่าในร่างกายของคนเรามีจุลินทรีย์ที่ดีจำนวนมาก และจุลินทรีย์ดีเหล่านี้ เราได้รับมาตั้งแต่ตอนคลอดหากคลอดตามธรรมชาติ และจากน้ำนมแม่ แต่หากใครผ่าคลอดก็สามารถให้น้ำนมแม่เติมภูมิต้านทานได้ ดังนั้น ไม่อยากให้ยึดติดว่าการผ่าท้อง การให้น้ำนมแม่จะทำให้มีจุลินทรีย์ และมีสารอาหารที่ดีเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ลูกเท่านั้น
หากมีความจำเป็นที่แม่ไม่สามารถคลอดตามธรรมชาติ หรือให้น้ำนมลูกได้ ก็สามารถเสริมภูมิต้านทานด้วยวิธีอื่นๆ และการที่เด็กคนหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ก็ไม่ได้มีเพียงปัจจัยการผ่าคลอด หรือให้น้ำนมเท่านั้นที่เป็นสาเหตุ แต่มีหลายปัจจัยร่วมกัน
- แนะ4 วิธีป้องกันให้ห่างไกล "โรคภูมิแพ้"
พญ.อรพรรณ กล่าวด้วยว่า หลักสำคัญในการรักษา "โรคภูมิแพ้" คือ การป้องกัน หรือการใช้ชีวิต และอย่าพึ่งยาเพียงอย่างเดียว โดย 4 วิธีที่จะช่วย"ป้องกัน"ได้ คือ 1. สภาพแวดล้อม ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ "ฝุ่น PM2.5" ควันบุหรี่ และมลพิษต่างๆ รวมถึงควรจะสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดฝุ่น 2.การกิน ควรกินอาหาร "ป้องกัน"โรคภูมิแพ้ เช่น อาหาร ผักผลไม้ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ และมีวิตามินดี ไม่ควรมีภาวะอ้วน
3.ออกกำลังกาย และ4.สภาพจิตใจ อารมณ์ เพราะผู้ที่มีภาวะเครียด ซึมเศร้าจะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้รุนแรงขึ้น แต่ถ้าอยู่ในสภาวะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเจอสิ่งกระตุ้น ต้องเลือกอาหารที่ทาน ต้องปรับการใช้ชีวิต และถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องหาอาหารหรือวิตามินมาเสริม และควรพบแพทย์
- เปิด 4 ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต้านโรคภูมิแพ้
ด้าน “ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในร่างกายมนุษย์จะมีแบคทีเรียที่ดีประมาณ 1000% หรือ10 เท่ากับเซลล์ในร่างกาย ซึ่งถ้าร่างกายสมดุลคนเราจะไม่เป็นโรคและทำให้อายุยืน แต่ด้วย "สภาพแวดล้อม" ไม่ว่าจะเป็น "ฝุ่นPM2.5" ภาวะความเครียดของผู้คน ทำให้ร่ายกายของแต่ละคนอาจเสียสมดุลและเป็นโรคภูมิแพ้ จนทำให้อุบัติการณ์ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จำนวนมาก
ทางบริษัทเน้นเรื่องของโภชนเภสัช หรือการกินอาหารให้เป็นยา จึงได้นำ "นวัตกรรมโปรไบโอติกแบคทีเรีย" 4 ตัว 4 ประเทศ ได้แก่ 1.ProBiota BL จากประเทศฝรั่งเศส เป็นโภชนเภสัชที่จะช่วยเรื่องภูมิแพ้และเพิ่มภูมิคุ้มกัน 2.Prolmmo จากประเทศญี่ปุ่น โภชนเภสัชเพื่อการเสริมคุ้มกันร่างกาย มีสารภูมิคุ้มกันเหมือนในน้ำนมแม่ ลดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
3.Vitamune จากประเทศเยอรมนี รวมสารอาหารและสารสกัดจากธรรมชาติ 8 ชนิด ช่วยลดภูมิแพ้ ลดเชื้อก่อโรค ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัด ต้านอนุมูลอิสระและการอักเสบที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ และ4.Vita Detozzi จากประเทศอเมริกา เป็นสารสกัดจากบร๊อคโคลี่ที่ให้สารซัลโฟราเฟนที่มีหลักฐานการวิจัยว่าสามารถขจัดสารพิษ โดยเฉพาะ "ฝุ่นPM2.5" ได้เป็นอย่างดี โดยทุกผลิตภัณฑ์สามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกวัยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุที่เป็นภูมิแพ้ ผู้ที่ติดเชื้อง่าย ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน และขจัด "ฝุ่น PM2.5"
“ตอนนี้ได้มีการวางจำหน่ายโรงพยาบาลชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, โรงพยาบาลรามคำแหง,โรงพยาบาลพญาไท,โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์,โรงพยาบาลเจ้าพระยา,โรงพยาบาลบางปะกอก และร้านยาทั่วไป เป็นต้น ซึ่งสิ้นปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ตัว น่าจะไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท” ตฤณวรรธน์ กล่าว
นอกจากนั้น ทางบริษัทได้มีการนำผลิตภัณฑ์ ProLivo นวัตกรรมโภชนเภสัชเพื่อการดูแลตับแบบครบวงจรที่วิจัยและพัฒนาในประเทศ ญี่ปุ่น เข้ามาในประเทศ คาดว่ายอดขายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทในสิ้นปี 2564 นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'โภชนเภสัช' มาแรงรับเทรนด์สุขภาพ
แยกอาการให้ชัด 'ภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19' ต่างกันอย่างไร?