'ปลัดฉิ่ง' นอมินี '3 ป' ลุยปั้นพรรคสำรอง
ข่าวคราวการตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อต่อท่ออำนาจ “พี่น้อง 3 ป” สะพัดมาอีกระลอก รอบนี้มีความคืบหน้า และชัดเจนขึ้น
บุคคลสำคัญที่ถูกจับจ้องว่าเป็น"นอมินี" หนีไม่พ้น “ฉัตรชัย พรหมเลิศ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือ “ปลัดฉิ่ง” หรือ “บิ๊กฉิ่ง” มือขวาของ “ป ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 ซึ่งเจ้าตัวจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดเดือนกันยายนปี 2564 นี้
เหตุที่ “3 ป” จำเป็นต้องมีพรรคสำรอง ก็เพราะพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ ทั้งสุ่มเสี่ยง “คดียุบพรรค” ที่ค้างอยู่ใน กกต. กรณีจัดปราศรัยใหญ่ 24 ก.พ.2562 ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เปิดตัวชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ร่วมพูดบนเวทีปราศรัย จึงเข้าข่ายตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่ห้ามบุคคลภายนอกครอบงำพรรค และยังมีกรณีเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเปิดการสัมมนาพรรค เมื่อ 22 ก.ค.2562 ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต วังน้ำเขียว นครราชสีมา ซึ่งขณะนั้น “บิ๊กป้อม” ยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคตามกฎหมาย
อีกทั้งพลังประชารัฐยังบอบช้ำจากปัญหาการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ภายในพรรค และยังเผชิญปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอีกหลายกรณี
จึงไม่แปลกที่ พี่น้อง 3 ป จะต้องมีทางหนีทีไล่ เตรียมพรรคการเมืองสำรองเอาไว้ และแน่นอนว่าก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้สำหรับเดินหน้ายุทธศาสตร์ต่อท่ออำนาจ
ในแวดวงการเมือง จึงไม่แปลกใจที่ชื่อของ “ปลัดฉิ่ง” เป็นตัวเลือก เพราะด้วยสไตล์ที่เข้าได้กับทุกขั้ว คอนเนคชั่นการเมืองกว้างขวาง จึงเป็นข้อดีที่สามารถดึงดูดคนการเมืองจากพรรคอื่นให้เข้าร่วมในอนาคตได้ไม่ยาก
ล่าสุดมีรายงานว่า มีการจดจัดตั้ง “พรรคเศรษฐกิจไทย” เอาไว้เบื้องต้นแล้ว แต่ก็ถูกคาดหมายว่าในเวลาที่เหมาะสม อาจมีการเปลี่ยนชื่อพรรคภายหลังเพื่อเป็นที่จดจำและเป็นประโยชน์ต่อพรรค
โดยชื่อที่ถูกจับตากันมากก็คือ “ไทยชนะ” หรือ มอตโต้ล่าสุดของ ป.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ก็อาจถูกเลือกมาใช้เป็นชื่อพรรคในที่สุด เพราะชื่อโครงการประชานิยมเหล่านี้ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ติดหูติดปากประชาชนคนไทย กลายเป็นภาพจำจากประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับการเยียวยาในช่วงโควิด
ความเคลื่อนไหวของ “ปลัดฉิ่ง” ในห้วงที่ผ่านมา ก็ปรากฎตัวร่วมกิจกรรม และวงสังสรรค์ในหลายแวดวง ที่น่าสนใจคือจุฬาฯ คอนเนคชั่น “สิงห์ดำ” รัฐศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น 32 ทำให้ปลัดฉิ่งเชื่อมโยงกับทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดังจำนวนไม่น้อย
ล่าสุดปลัดฉิ่งเพิ่งปรากฎตัวไปร่วมทำบุญงานวันเกิดของ “เตือนใจ จรัสเสถียร” มารดา “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และส.ส.มหาสารคาม รุ่นน้อง วิศวะ จุฬาฯ ซึ่งสะท้อนนัยการเมืองได้หลายอย่าง โดยเฉพาะการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง “ยุทธพงศ์” และ“พล.อ.อนุพงษ์”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากคอการเมืองจะคาดการณ์ว่า การไปร่วมงานวันเกิดมารดา ส.ส.คนดังของปลัดฉิ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณไปถึงนักการเมืองขั้วตรงข้ามรัฐบาล ว่าพรรคใหม่พร้อมเปิดรับให้เข้ามาร่วมงานกันในการเลือกตั้งครั้งหน้า
สำหรับแนวคิดเรื่องพรรคสาขา หรือพรรคสำรองของ “พลังประชารัฐ” มีมาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งพรรคแล้ว เพียงแต่กระบวนการขั้นตอน รวมถึงปัจจัยที่ต้องใช้จำนวนมาก จึงเป็นอุปสรรคและความยุ่งยากของผู้มีอำนาจ ที่จะเซ็ตอัพ 2 พรรคการเมืองในเวลาเดียวกัน
การมีพรรคสาขาในสถานการณ์ขณะนี้ของพลังประชารัฐ อาจเป็นทางออกในสถานการณ์ที่เหมาะสมเมื่อแบรนด์พลังประชารัฐ ในหลายแง่มุมเริ่มถูกเบื่อหน่าย พรรคสาขาจึงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เรื่องนี้คนในพลังประชารัฐ รู้กันดีว่า “พล.อ.ประวิตร” เป็นคนออกปากมานานแล้วว่าให้“พล.อ.อนุพงษ์” ไปตั้งพรรคใหม่เอาไว้ เผื่อเหลือเผื่อขาด
เวลานี้ “ปลัดฉิ่ง” จึงกำลังเร่งปลุกปั้นพรรคใหม่ให้เรียบร้อย โดยมอบหมายให้ที่ปรึกษารัฐมนตรีรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในภาคอีสาน ดำเนินการหาสมาชิกพรรคเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง
ทว่ามาถึงจุดนี้ อีกมุมในพรรคพลังประชารัฐ ก็มีเสียงสะท้อนกันว่า “ปลัดฉิ่ง” อาจยังไม่เข้าใจการเมือง ไม่ครบเครื่อง ดุดัน เด็ดขาดแบบนักการเมืองอาชีพ วัดได้จากเรื่องเล็กน้อยๆ บางเรื่องที่ถูกร้องขอ ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
เมื่อผู้มีอำนาจในรัฐบาล เลือกเดินหน้าพรรคใหม่ จากนี้ไปก็ต้องจับตา บทบาท “นอมินี” 3 ปอย่าง“ปลัดฉิ่ง”ว่า หลังเกษียณกันยายนนี้ จะพลิกบทบาท เปิดหน้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว หรือเลือกที่จะอยู่หลังฉาก ทำภารกิจดูดนักการเมืองต้นทุนดีเข้าพรรคใหม่ ก่อนเปิดฉากพรรคใหม่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง