รู้ให้ชัดก่อน ฉีด-ไม่ฉีด 'วัคซีนโควิด-19'

รู้ให้ชัดก่อน ฉีด-ไม่ฉีด 'วัคซีนโควิด-19'

แพทย์ แนะการฉีด-ไม่ฉีด "วัคซีนโควิด-19" ควรเปิดอิสระให้ประชาชนคนไทยเลือกด้วยตนเอง ระบุทุก"วัคซีน" มีความเสี่ยง พร้อมย้ำรัฐบาลให้ข้อมูลผลข้างเคียงของการฉีดประกอบการตัดสินใจ

ฉีด-ไม่ฉีด "วัคซีนโควิด-19" ? และเมื่อใดจะได้ฉีด "วัคซีน"? ดูจะเป็นคำถามที่หลายๆ คนเกิดความข้องใจ เพราะจนถึงขณะนี้คนไทยเพียง 0.1 คน ต่อประชากร 100 คน เท่านั้นที่ได้รับฉีด "วัคซีนโควิด -19” หลายคนอาจจะเฝ้ารอการฉีด "วัคซีนโควิด -19" แต่อีกหลายคนก็เกิดความกังวลว่าควรจะฉีดหรือไม่?

เวบไซต์ทรูฮิตรายงานอ้างข้อมูลสำนักข่าวบูมเบิร์กว่า กระบวนการฉีด "วัคซีนโควิด-19"ทั่วโลก เริ่มนับตั้งแต่วันที่"วัคซีน"ได้รับการอนุมัติจาก FDA โดยในช่วงแรกยังเป็นการฉีดให้กับผู้ปฏิบัติงานในแนวหน้า เช่นแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทางการก่อน อัพเดทล่าสุดวันที่ 2 เม.ย. 2564 มีจำนวนประชากรที่ได้รับ"วัคซีน"ไปแล้ว

  • ประเทศไทยมีผู้ฉีด"วัคซีน" 203,650 โดส

อาทิ สหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้รับ"วัคซีน" 153,631,404 คน รับ"วัคซีน" 23.6 คน ต่อประชากร 100 คน จีน 118,210,000 คน รับ"วัคซีน" 4.2 ต่อประชากร 100 คน ยุโรป 75,460,913 คน รับ"วัคซีน" 8.5 คนต่อประชากร 100 คน อินเดีย 67,536,392 คน รับ"วัคซีน" 2.5 คนต่อประชากร 100 คน เยอรมนี 13,779,636 คน รับ"วัคซีน"8.3 คน ต่อประชากร 100 คน อิตาลี 10,324,127 คน รับ"วัคซีน" 8.6 คนต่อประชากร 100 คน

ขณะที่ในส่วนภูมิภาคเอเชียนั้น อินโดนีเซีย มีจำนวนผู้ฉีด"วัคซีน" 12,226,028 คน รับ"วัคซีน" 2.3 คนต่อประชากร 100 คน ญี่ปุ่น 1,050,112 คน รับ"วัคซีน" 0.4 คน ต่อประชากร 100 คน เมียนมา 1,040,000 คน รับ"วัคซีน" 1 คนต่อประชากร 100 คน เกาหลีใต้ 889,546 คน รับ"วัคซีน" 0.9 คน ต่อประชากร 100 คน ฟิลิปปินส์ 738,913 คน รับ"วัคซีน" 0.3 คนต่อประชากร 100 คน กัมพูชา 296,149 คน รับ"วัคซีน" 0.9 คนต่อประชากร 100 คน ไทย 191,745 คน รับ"วัคซีน" 0.1 คน ต่อประชากร 100 คน เป็นต้น 

ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-1 เม.ย.มีผู้ฉีด"วัคซีน"สะสมรวม 203,650 โดส  แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 166,243 ราย เข็มที่  37,407 ราย และยอดฉีดวันที่ 1 เม.ย. เข็มที่ 1 จำนวน 7,748 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 4,159 ราย ซึ่งตามหลักจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนได้ในสัดส่วน 50-60 % ของประชากรในพื้นที่ เพื่อให้เกิดภูมคุ้มกันระดับพื้นที่

  • แพทย์เผยฉีด "วัคซีนโควิด-19" มี2 เป้าหมาย

ผศ.นพ.มนต์เดช สุขปราณี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเมดพาร์ค กล่าวว่าการฉีด "วัคซีนโควิด-19" ขณะนี้มีหลายประเทศได้ดำเนินการฉีดไปแล้ว และประเทศไทยได้ฉีดเพียง 0.1 คนต่อประชากร 100 คน โดย"วัคซีนโควิด-19" ที่มีการฉีดกันทั่วโลกนั้น ต้องยอมรับว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจำนวนมาก และหลายประเทศมีการจำกัดการฉีด "วัคซีนโควิด -19" บางชนิด เนื่องจากยังไม่มีการรับรองทางการแพทย์อย่างชัดเจน

ข้อมูลผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด -19 มีเยอะมาก ซึ่งคนไทยจำนวนมากที่ไม่ทราบผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรเปิดให้คนไทยตัดสินใจเอง มีอิสระในการเลือกว่าจะเสี่ยงฉีดกับวัคซีนตัวไหน จะฉีดหรือไม่ฉีด เพราะวัคซีนทุกส่วนมีความเสี่ยง คนฉีดต้องตัดสินใจเอง ส่วนหน้าที่ของรัฐบาลผู้เกี่ยวข้อง ควรอัพเดทข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและข้อมูลทั้งหมดให้ประชาชนรับรู้ เพื่อประกอบการตัดสินใจผศ.นพ.มนต์เดช กล่าว

161754810435

การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มี 2 เป้าหมาย คือ “เป้าหมายส่วนบุคคล” และ “เป้าหมายของส่วนรวม” ทั้งประเทศหรือทั้งโลก ทั่วทั้งโลกพยายามให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งต้องมีการคำนวณว่าใช้ "วัคซีน"ปริมาณเท่าไหร่ รวมถึงประสิทธิภาพของ "วัคซีน"ที่ตัดสินใจใช้อยู่ในระดับไหน เพราะ"วัคซีน"ที่ประสิทธิภาพสูง สามารถกระตุ้น "ภูมิต้านทาน"ได้ในระดับสูงอาจราคาแพง แต่ทำให้มั่นใจได้ว่าจำนวนคนที่ฉีดไปส่วนใหญ่เกิด"ภูมิต้านทาน"ทันเวลาในปริมาณที่ต้องการ

โดยการวัคซีนต้องฉีดอย่างน้อย 60-70% ของประชากร ซึ่งประชากรทั่วโลกราว 7,000 ล้านคน ขณะที่ คนไทยราว 70 ล้านคน ต้องฉีดราว 40-50 ล้านคน การฉีดวัคซีนซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและลดความรุนแรง ลดอัตราการเสียชีวิต บุคคลสี่ยงมากที่สุด แน่นอนว่า กลุ่มแพทย์ พยาบาล เพราะอยู่แนวหน้า รวมถึงผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว แต่เมื่อฉีดกลุ่มคนเหล่านี้ โรคไม่หยุด อาจจะไม่ป้องกันการถ่ายทอดโรค

 ข่าวที่เกี่ยวข้อง: รพ.น่าน รับ 'วัคซีนโควิด-19' Sinovac 1,800 โดส ฉีดกลุ่มเป้าหมายแรก 900 คน

                    สธ.เปิดปชช.จองรับ'วัคซีนโควิด-19'ผ่าน'หมอพร้อม'ปลายพ.ค.นี้

                    เช็ครายจังหวัด ยอดรับจัดสรร‘วัคซีนโควิด19’รอบ 2

  • แนะเปิดอิสระฉีด-ไม่ฉีด "วัคซีนโควิด-19"เลือกเสี่ยงด้วยตัวเอง

การที่มุ่งประเด็นไปที่การฉีดวัคซีนให้คนกลุ่มนี้ เพื่อป้องกันแต่ไม่หยุดยั้งการแพร่กระจายโรค แต่กลุ่มคนเหล่านี้จะปลอดภัยเพราะมีวัคซีนมาป้องกัน แต่การแพร่กระจายโรคก็จะยังแพร่กระจายต่อไป เพราะคนที่แพร่เชื้อ คือ กลุ่มคนอายุน้อย แข็งแรง เวลาป่วยไม่มีอาการ หากจะหยุดยั้งได้ ต้องให้กลุ่มคนที่แพร่เชื้อให้คนอื่นและเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีภูมิต้านทานเกิดขึ้น"ผศ.นพ.มนต์เดช กล่าว

ทั้งนี้ในส่วนของรพ. เมดพาร์คนั้น ได้มีการเตรียมพร้อมของเครื่องมือในการจัดเก็บวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะโมเดอร์นา หรือ ไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค โดยเป็นเครื่องจัดเก็บวัคซีน -80 องศา ซึ่งมีความสำคัญ โดยเฉพาะวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค ทำให้สามารถจัดเก็บวัคซีนได้ตลอดอายุการใช้งาน เพราะหากแช่ในตู้เย็นธรรมดา อายุจะเหลือเพียง 5 วัน แต่หากเปิดผสม อยู่ได้ 6 ชั่วโมง โดย 1 ขวดมี 6 โดสโดสละ 0.3 ซีซี เมื่อผสมแล้วจะต้องใช้ให้หมด

“แนวทางในการนำวัคซีนเข้ามา จะพยายามนำวัคซีนที่ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับสาธารณชน เมื่อรัฐบาลอนุญาต ขณะนี้แนวทางของรัฐเริ่มผ่อนคลาย อย่างที่เห็นว่าสหรัฐฯที่เป็นเจ้าของก็ยังไม่พอ โอกาสที่จะให้เราเยอะๆ ก็คงจะยังไม่มี หรืออาจจะช้า”ผศ.นพ.มนต์เดช กล่าว

อย่างไรก็ตามการ ฉีด "วัคซีนโควิด-19" ไม่ว่าจะถูกหรือแพง หรือจะยี่ห้อใด สิ่งที่สำคัญที่สุด ควรเปิดโอกาสให้คนที่จะฉีดเลือกเองว่าจะฉีดหรือไม่ หรือจะฉีดยี่ห้อไหน โดยที่พวกเขาต้องรู้ถึงผลข้างเคียง และได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน เป็นความจริงทั้งหมด เพื่อให้พวกเขาได้ตัดสินใจยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ต่อให้ได้ฉีดหรือไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคนต้องปฎิบัติตามมาตรการของรัฐ สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างทางสังคม ไม่ไปในพื้นที่เสี่ยง