หุ้นร่วง 23.10 จุด หวั่นโควิดรอบ 3 รุนแรงกว่าครั้งก่อน

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 เม.ย.2564) ปิดที่ 1,556.56 จุด ปรับลง 23.10 จุด หรือปรับลง 1.46% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 107,774.43 ล้านบาท ระหว่างวันมีจุดต่ำสุดที่ 1,555.57 จุด และสูงสุดที่ 1,570.69 จุด

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นเดือน เม.ย.เป็นไปตามทิศทางที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่าจะปรับลง และย้ำเตือนว่าไม่ใช่เดือนแห่งการเก็งกำไร ภายหลังดัชนีหุ้นปรับขึ้นชนแนวต้าน 1,600 จุด โดยเน้นรักษาอัตราผลตอบแทนในช่วงต้นปีที่ได้รับมาประมาณ 10% เป็นหลัก

นอกจากนี้ ชี้ว่าตลาดมีความเปราะบางต่อปัจจัยลบง่ายขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงกว่าระลอก 2 เพราะเป็นการแพร่ระบาดในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดเร็วกว่าครั้งก่อน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 300 กว่าราย

"ข่าวการระบาดรอบใหม่ส่งผลให้นักลงทุนเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk off) สะท้อนจากตลาดหุ้นที่ปรับลง และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่ามากขึ้น โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่ามีความเสี่ยงที่ดัชนีจะปรับลงทดสอบแนวรับ 1,535 จุด" นายสรพล กล่าว

อย่างไรก็ดี กระแสข่าวโควิด-19 ส่งผลให้ราคาหุ้นของธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดอย่าง บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) บวกสวนตลาด 6.55% หรือปรับขึ้น 2.75 บาท มาอยู่ที่ 44.75 บาทต่อหุ้น แต่สำหรับการลงทุนในระยะถัดไป ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นแถวสองที่ได้อานิสงส์ลำดับถัดมาในกลุ่มโรงพยาบาล โดยเลือก บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) เป็นหุ้นเด่น

โดย BCH ได้ประโยชน์จากกระแสเข้ารับการตรวจโควิด-19 ของประชาชน วันละประมาณ 1,000-2,000 ราย ซึ่งบริการตรวจหาเชื้อไวรัสมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงกว่า 50% ส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสรับรู้กำไรจากส่วนนี้มากกว่า 50 ล้านบาท