KBANK คาดโควิด-19 ระลอก3 ฉุดรายได้‘ท่องเที่ยว’ครึ่งปีแรก หาย1.3 แสนล้าน

KBANK คาดโควิด-19 ระลอก3 ฉุดรายได้‘ท่องเที่ยว’ครึ่งปีแรก หาย1.3 แสนล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดโควิด-19 ระลอก3 ฉุดท่องเที่ยวสงกรานต์หายหมื่นล้าน และคาดกระทบต่อรายได้ท่องเที่ยวครึ่งปีแรกหาย 1.3 แสนล้านบาท

161822342446       ล่าสุดศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับ ผลกระทบไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่หรือ โควิด-19 ระลอก 3 โดยระบุว่า การปรับแผนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่าง 10-18 เมษายน 2564 อาจทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวสูญเสียรายได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท (จากคาดการณ์เดิม เมื่อเดือน มี.ค. 64)
      นอกจากนี้ ภายใต้ความเสี่ยงที่การควบคุมการระบาดระลอก 3 ที่น่าจะใช้ระยะเวลานานกว่ารอบก่อนหน้า เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อสูงและการแพร่เชื้อที่เร็ว ซึ่งกระทบต่อแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงไตรมาส 2 ทำให้
     ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การระบาดของโควิดทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้น น่าจะส่งผลกระทบทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้ รายได้ตลาดไทยเที่ยวไทยมีมูลค่าประมาณ 1.37 แสนล้านบาท คิดเป็นรายได้ท่องเที่ยวที่หายไปเป็นมูลค่ากว่า 1.30 แสนล้านบาท เทียบกับคาดการณ์เดิม ณ ม.ค. 64
     อีกทั้ง ยังมองว่า สิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ คือ การสร้างความเชื่อมั่นของภาครัฐ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องวัคซีน ขณะเดียวกัน ทุกภาคส่วนคงจะต้องกลับมาร่วมมือกันในการควบคุมการระบาดของโรคให้จบในเร็ววัน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในระยะยาว
     และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ยังควรจะต้องรักษาระดับมาตรฐานการป้องกันที่เข้มงวด เนื่องจากโรคโควิดยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

     ทั้งนี้ ประเมินว่า โควิด-19 ที่ยังไม่จบ กระทบรายได้ท่องเที่ยวในประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ต่ำกว่าคาด และในช่วงที่เหลือของปี ยังมีความเสี่ยงสูง
       มีความเป็นไปได้ว่า การระบาดของ
โควิด-19ระลอกที่ 3 นี้ มีโอกาสที่จะใช้ระยะเวลานานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ในการควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายกลับมา เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อในประเทศมีจำนวนค่อนข้างสูง เชื้อโควิดเป็นไวรัสสายพันธุ์ที่แตกต่างจากเดิมที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่าสามารถแพร่ได้เร็ว

     อีกทั้งต้นตอของการระบาดมาจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสัดส่วนสูง ขณะที่ การระบาดรอบนี้ เกิดขึ้นหลังรอบก่อนหน้าภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน จึงส่งผลกระทบต่อตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้ อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

     จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การระบาดของโควิดทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้ รายได้ตลาดไทยเที่ยวไทยน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.37 แสนล้านบาท คิดเป็นรายได้ท่องเที่ยวที่หายไปเป็นมูลค่ากว่า 1.30 แสนล้านบาท เทียบกับคาดการณ์เดิม ณ ม.ค. 64

161822343730 ทั้งนี้ แม้ทางการจะสามารถควบคุมการระบาดของโควิดระลอกที่ 3 นี้ได้ แต่เนื่องจากการระบาดของโรคโควิดยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้ทั้งในและต่างประเทศ แม้จะมีการเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังมีจำนวนจำกัด ขณะที่ประสิทธิผลของวัคซีนยังไม่สรุปได้ว่าคนที่ฉีดแล้วจะไม่แพร่เชื้อ รวมถึงระยะเวลาป้องกันการติดโรคโควิดก็ยังไม่แน่นอน ทำให้นับต่อจากนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะต้องดำเนินการอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

     ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า สิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ คือ การสร้างความเชื่อมั่นของภาครัฐด้วยการเร่งฉีดวัคซีนที่มีอยู่ การเปิดทางเลือกที่หลากหลายต่อประเด็นการจัดหาวัคซีนเพื่อให้คนไทยได้รับการฉีดวัคซีนที่เร็วและครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตลอดจนการคำนึงถึงประเด็นที่ว่าประชากรหนึ่งคนอาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนต่อเนื่องหลายเซ็ตในช่วงปีข้างหน้า
      นอกเหนือจากนี้ คือ ความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการควบคุมการระบาดของโรคให้จบในเร็ววัน และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ทุกภาคส่วนก็ยังควรจะต้องรักษาระดับมาตรฐานการป้องกันการระบาดของโควิดที่เข้มงวด

    ขณะที่ผู้ประกอบการคงจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทั้งในด้านความเสี่ยงเชิงนโยบายและปัจจัยแวดล้อมของตลาด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในระยะยาว