BAY กำไรพุ่ง 6.5พันล้าน เพิ่ม 92% ย้ำ บริหารธุรกิจภายใต้การระมัดระวังต่อเนื่อง

BAY กำไรพุ่ง 6.5พันล้าน เพิ่ม 92% ย้ำ บริหารธุรกิจภายใต้การระมัดระวังต่อเนื่อง

กรุงศรี แจ้งกำไรไตรมาสแรก 6.5พันล้าน โต 92% แต่หากเทียบปีก่อน กำไรลดลง 7.5% หลังมีผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่ม จากสินเชื่อที่ขยายตัวมากขึ้น

      ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังของธนาคารในท่ามกลางสภาวะการณ์ที่ท้าทาย เงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1/2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3

       ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2564 อยู่ที่จำนวน 6,505. ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญร้อยละ 92.2 หรือจำนวน3,120 ล้านบาท จากไตรมาส 42563

      โดยมีปัจจัยหลัก มาจากการตั้ง Management Overlay เป็นพิเศษในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบกับไตรมาส1/2563 กำไรสุทธิลดลงร้อยละ 7.5 หรือจำนวน 528 ล้านบาท

      ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ ด้วยการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 1,839,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,365 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.3 จากสิ้นเดือนธันวาคม2563

      โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ร้อยละ 2.5 และร้อยละ 1.2 ตามลำดับ

      ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยลดลงร้อยละ 1.0 จากการชำระคืนเงินให้สินเชื่อของลูกค้าตามปัจจัยด้านฤดูกาลและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

        ด้านเงินรับฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 1,888.464 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 53,959 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.9 จาก สิ้นเดือนธันวาคม 2563

       โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากออมทรัพย์รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 256 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563        

         ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมนียมและบริการสุทธิจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้ารายย่อยตามฤดูกาลในไตรมาสที่ผ่านมา

         ส่วน อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ร้อยละ 1.99 สิ้นเดือนมีนาคม 2564 เทียบกับร้อยละ 2.00 สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ด้วยนโยบายการตั้งสำรองเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง เงินสำรองอยู่ที่จำนวน81,330 ล้านบาท

       ส่งผลให้อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 175.0 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ร้อยละ 17.85 ลดลงจากร้อยละ 17.92 สิ้นเดือนธันวาคม 2563