บ.เทคฯชั้นนำจีนเมินใช้พลังงานหมุนเวียน

บ.เทคฯชั้นนำจีนเมินใช้พลังงานหมุนเวียน

รายงานสำรวจและจัดอันดับบริษัทดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของกลุ่มกรีนพีซ ล่าสุด ระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่สุดสัญชาติจีน รวมทั้งบริษัทให้บริการธุรกิจคลาวด์ยังคงพึ่งพาแหล่งพลังงานที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดมลภาวะและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

เทนเซนต์ โฮลดิงส์ ติดอันดับหนึ่งในเรื่องความโปร่งใสและใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้น โดยเทนเซนต์เป็นผู้ให้บริการคลาวด์จากบรรดาบริษัทเก้าแห่งของจีน แม้ว่าจะได้คะแนน 61 คะแนนจาก 100 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขต่ำมาก ส่วนผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่สุดของประเทศอย่างอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงส์ อันดับร่วลงลงจากอันดับหนึ่งในปีนี้ ไปอยู่อันดับ4

รายงานของกรีนพีซ อีสต์ เอเชีย ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (21 เม.ย.)ระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีจีนค่อยๆปรับนโยบายหันไปพึ่งพาพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมทั้งรายงานการปล่อยก๊าซที่เป็นต้นตอการเกิดภาวะเรือนกระจกแต่ความล่าช้าในการดำเนินการเรื่องนี้ รวมถึงความล่าช้าในการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพึ่งพาพลังงานสะอาด สะท้อนว่าบริษัทเหล่านี้ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในปริมาณสูง

ชินดาตา กรุ๊ป โฮลดิงส์ บริษัทให้บริการด้านข้อมูล เป็นบริษัทเดียวในบรรดา22 บริษัทที่ถูกสำรวจในครั้งนี้ที่ให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เหลือศูนย์ภายใน10ปีนี้และยังติดอันดับหนึ่งจากผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายใหญ่สุด 13แห่งของจีน โดยมีคะแนนอยู่ที่ 85 คะแนน

“โดยทั่วไปอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีนใช้พลังงานจากถ่านหิน และการบริโภคพลังงานของอุตสาหกรรมนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”ยี รุยกี จากกรีนพีซ อีสต์ เอเชีย กล่าว พร้อมทั้งระบุว่า อาลีบาบาและผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลอย่างจีดีเอส ล้มเหลวในความพยายามใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เหลือศูนย์

โฆษกธุรกิจคลาวด์ของอาลีบาบา ยอมรับว่าบริษัทไม่ได้กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ หรือการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ แต่บริษัทก็พัฒนาศูนย์ข้อมูลเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2558 และพยายามใช้เทคโนโลยีของบริษัทอย่างคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

กรีนพีซ อีสต์ เอเชีย ระบุว่า ธุรกิจบริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลฟังดูอาจจะเป็นธุรกิจที่เบาบาง ลอยละล่องเหมือนปุยเมฆแต่เซอร์เวอร์ขนาดใหญ่ของธุรกิจนี้ใช้พลังงานมหาศาลและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ข้อมูลของจีน บริโภคไฟฟ้าในปริมาณ 161,000 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงในปี 2561 มากกว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศของมาเลเซีย และการบริโภคพลังงานมีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2 ใน 3 ภายในปี 2566 ซึ่งจะเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของออสเตรเลียทั้งประเทศ

รายงานชิ้นนี้ของกรีนพีซ อีสต์ เอเชีย วิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลสาธารณะที่หามาได้ในการตรวจสอบบริษัทให้บริการด้านคลาวด์และศูนย์ข้อมูลรายใหญ่สุด22แห่งในจีน พร้อมทั้งให้คะแนนโดยพิจารณาจากเกณฑ์ต่างๆอาทิ การใช้พลังงานของบริษัทและการดำเนินนโยบายที่สนับสนุนการใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งบริษัทให้บริการด้านคลาวด์ของจีนรายใหญ่ๆมีแค่ 4 บริษัทคือ อาลีบาบา เทนเซนต์ ไป่ตู้ และหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ซึ่งทั้ง4 บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80%

การที่เทนเซนต์ติดอันดับหนึ่งเป็นเพราะได้คะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเรื่องความโปร่งใส การจัดซื้อจัดจ้างพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ในปริมาณมากขึ้นและการให้คำมั่นเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะผลักดันให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์เป็นศูนย์

เทียบกับอาลีบาบาที่อันดับร่วงลงเพราะได้คะแนนต่ำในส่วนของพลังงานสะอาดและขาดความโปร่งใส ส่วนบริษัทชินดาตา ซึ่งจดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก มีคะแนนอันดับหนึ่ง เพราะปีที่แล้ว บริษัทได้ลงนามข้อตกลงเพื่อพัฒนาพลังงานจากลมและแสงอาทิตย์ในจีนที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1.3 กิกะวัตต์ ทำให้อยู่ในกลุ่มผู้ซื้อพลังงานหมุนเวียนท็อป 3 ของโลก

เมื่อเดือนม.ค. บริษัทซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในปักกิ่ง ระบุว่า ศูนย์ข้อมูลรุ่นต่อไปของบริษัทในจีนจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ศูนย์เปอร์เซนต์ ภายในปี 2573 เร็วกว่าเป้าของประเทศ30ปี และเนื่องจาก 51% ของพลังงานที่ใช้เป็นพลังงานหมุนเวียน ถือว่าชินดาตาแซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีจีนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดอย่างไป่ตู้ ซึ่งมีสัดส่วนพลังงานประเภทนี้ 9% ส่วนบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆมีสัดส่วนไม่ถึง3%

จีน ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก ให้คำมั่นเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เท่ากับศูนย์ภายในปี 2603