‘โมเดอร์นา’ ทดลองฉีดกระตุ้น เอาอยู่ โควิดสายพันธุ์ ‘แอฟริกาใต้ - บราซิล’
"โมเดอร์นา" เผยผลทดลองใช้วัคซีนโควิด-19 ปริมาณ 50 ไมโครกรัม ฉีดให้ผู้เคยรับวัคซีนแล้ว พบตอบสนองสร้างภูมิคุ้มกันสายพันธุ์แอฟริกาใต้ และบราซิลได้
โมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (5 พ.ค.) เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในระหว่างทดลองทางคลินิกขณะนี้ว่า วัคซีนโมเดอร์นาสำหรับฉีดกระตุ้น (booster shot) เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 สามารถเสริมสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ B.1.351 และ P.1 ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และบราซิลตามลำดับ
การทดลองดังกล่าว โมเดอร์นาใช้วัคซีนหนึ่งโดสในปริมาณ 50 ไมโครกรัม ฉีดให้กับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนโควิด-19 มาแล้ว และพบว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองของแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม รวมถึงสายพันธุ์ใหม่อย่าง B.1.351 และ P.1 ด้วยซึ่งแพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงในสหรัฐ
โมเดอร์นายังระบุว่า การฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนตัวใหม่ของบริษัทซึ่งเรียกว่า mRNA-1273.351 ยังสามารถเสริมสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.351 จากแอฟริกาใต้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อฉีดเพิ่มเติมนอกเหนือจากวัคซีนตัวปัจจุบันของบริษัท โดยวัคซีนตัวใหม่เป็นการฉีดกระตุ้นเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ B.1.351 โดยเฉพาะ
นายสตีเฟน แบนเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์กล่าวว่า ขณะที่เราหาทางหยุดยั้งโรคระบาด ทำให้ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้ารับมือกับไวรัสกลายพันธุ์อยู่ตลอด ข้อมูลชุดใหม่นี้เป็นแรงผลักดันให้เรามั่นใจได้ว่า แนวทางการวิจัยวัคซีนเพื่อฉีดกระตุ้นที่เราทำนั้นจะเป็นเกราะป้องกันเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่พบใหม่
โมเดอร์นา ระบุถึงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนว่ามีอาการเหมือนกับการฉีดวัคซีนโดสที่สองตามที่มีการรายงานในผลการศึกษาก่อนหน้านี้ โดยอาการดังกล่าวได้แก่ การเจ็บปวดบริเวณจุดที่ฉีดวัคซีน, เหนื่อยล้า, ปวดศีรษะ รวมถึงการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ
ข้อมูลชุดใหม่ดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกมา หลังจากที่บรรดาผู้ผลิตวัคซีนและนักวิทยาศาสตร์ออกมาระบุถึงแนวโน้มที่ประชาชนจะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น รวมถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มเติมทุกปี เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดตามฤดูกาล