'ดีลอยท์' เผย' โควิด'ดันบริการดิจิทัล ‘เทเลเมดิซีน’ 400 ล้านครั้งทั่วโลก

'ดีลอยท์' เผย' โควิด'ดันบริการดิจิทัล ‘เทเลเมดิซีน’ 400 ล้านครั้งทั่วโลก

“ดีลอยท์” เผยรายงานคาดการณ์เทคโนโลยี 'ดิจิทัล' ช่วง 'โควิด' เติบโตสูง คาดปีนี้พบแพทย์ผ่านวิดีโอพุ่ง 400 ล้านครั้งทั่วโลก ใช้จ่ายบนระบบ 'คลาวด์' โตเร็วกว่าการใช้จ่ายในระบบไอที 7 เท่า

นายบูคายย์ กล่าวว่า โควิด-19 ส่งผลให้เทรนด์การรักษาระยะไกล (Telemedicine) เติบโตก้าวกระโดด รวมถึงการพบแพทย์ผ่านทางวิดีโอด้วย โดยผู้บริโภคโดยฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ได้ทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากการสื่อสารด้วยวิดีโอผ่านแอพลิเคชั่นมากขึ้น

ทั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้บริโภค รวมถึงแพทย์ ที่ต้องการเปลี่ยนแนวทางการพบแพทย์แบบเดิมเป็นการนัดพบเสมือนจริง ดีลอยท์ คาดการณ์ว่า การพบแพทย์แบบเสมือนจริงผ่านทางวิดีโอจะเพิ่มขึ้น 5% ทั่วโลกปีนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1% ปีที่แล้ว แม้เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะดูเล็กน้อย แต่เท่ากับการเข้าพบแพทย์ผ่านวิดีโอถึง 8.5 พันล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าทั้งหมดประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์จาก 36 ประเทศที่เข้าร่วมองค์การเพื่อความร่วมมือ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD) ในปี 2562 

สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การพบแพทย์ผ่านทางวิดีโอ และรายรับของผู้นำตลาดก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงกลุ่มตลาดประเทศที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ยังรวมถึงกลุ่มตลาดประเทศที่กำลังพัฒนาด้วย

ดีลอยท์ ยังเผยด้วยว่า ตลาดของเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงกำลังขยายตัว จากได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มบริษัทและองค์กรเพื่อการศึกษา คาดการณ์ว่า ยอดขายอุปกรณ์เฮดเซ็ทในเทคโนโลยีเสมือนจริง ทั้ง augmented reality (AR) และ mixed reality (MR) หรือเรียกโดยรวมว่า XR หรือ digital reality จะพุ่งสูงขึ้นเท่าตัวปีนี้ผลจากการซื้อเพื่อใช้ประโยชน์โดยกลุ่มองค์กรและสถาบันการศึกษา

ตลาดเฮดเซ็ท ได้รับแรงกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดบางกลุ่ม เนื่องด้วยประเด็นความเสี่ยงของโควิด-19 ผลักดันให้ครูผู้สอนและนักเรียนนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้การเรียนการสอนแบบเสมือนจริงแทนที่การเรียนการสอนในชั้นเรียน

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่า ระบบคลาวด์ จะขยายตัวสูงขึ้นจากความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงที่แพร่ระบาด ระหว่างการปิดกั้นพื้นที่เมือง (lockdown) และระบบการทำงานนอกออฟฟิศ (work-from-anywhere) ดีลอยท์ คาดการณ์ว่า ปริมาณรายรับจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 30% ตั้งแต่ปี 2564-2568 เนื่องจากบริษัทหลากหลายแห่งย้ายระบบฐานข้อมูลไปยังระบบคลาวด์เพื่อประหยัดงบประมาณ สร้างความคล่องตัวในการทำงาน และเพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

ขณะที่ เทรนด์ Intelligent edge หรือเทคโนโลยีที่รวมของการเชื่อมต่อไร้สายขั้นสูง หน่วยประมวลผล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุปกรณ์ที่ใช้งานและสร้างข้อมูล จะขยายตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับบริษัทด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารขนาดใหญ่หลายแห่ง ดีลอยท์ คาดการณ์ว่า ปี 2564 ตลาด Intelligent edge ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึงหนึ่ง1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง 35%