‘ดาวโจนส์’ปิดทะยาน 433 จุด

‘ดาวโจนส์’ปิดทะยาน 433 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.)ทะยาน 433 จุดเหตุนักลงทุนคลายวิตกเงินเฟ้อในสหรัฐ หลังจากที่รองประธานเฟดยืนยันว่า เฟดจะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดทรุดตัวลงอย่างหนักวานนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 433.79 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 34,021.45 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 49.46 จุด หรือ 1.22% ปิดที่ 4,112.50 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 93.31 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 13,124.99 จุด

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและสายการบิน รวมทั้งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนพากันช้อนซื้อหุ้นที่ดิ่งลงวานนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดทรุดตัวลง 681.50 จุด หรือ 1.99% เมื่อวันพุธ(12พ.ค.) ทำสถิติดิ่งลงรุนแรงที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนม.ค. เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้ออาจกดดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

อย่างไรก็ดี นายแคลริดา ยืนยันว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนเม.ย. จะไม่ทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงแนวทางการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ นายแคลริดายังกล่าวว่า เฟดจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 473,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 490,000 ราย และต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 507,000 ราย

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าระดับ 230,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 3.66 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.2563

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีพีไอพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2553 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.8%

ส่วนดัชนีพีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4%