ไขข้อข้องใจ ทำไม 'ขอสินเชื่อ' จาก 'ออมสิน' ไม่ผ่าน ?
'ออมสิน' เผยยอดปฏิเสธสินเชื่อรายย่อยสูงขึ้น สะท้อนเครดิตคนกลุ่มนี้ต่ำลง เหตุสถานการณ์โควิด-19 ส่งกระทบหนัก โดยยอดกลั่นกรองสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 เบื้องต้นอยู่ที่ 6 ล้านราย จากที่ขอมาทั้งหมด 9 ล้านราย
"ออมสิน" กลับมาเปิดให้ลงทะเบียน "สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19" และ "สินเชื่อ SMEs มีที่มีเงิน" อีกครั้งโดยขยายเวลาถึง 30 มิ.ย. 64 เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในช่วง "โควิด-19"
แต่ที่ผ่านมากลับพบว่ามีประชาชนที่ถูก "ปฏิเสธสินเชื่อ" จาก "ออมสิน" จำนวนไม่น้อย โดย นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารธนาคารออมสินยอมรับว่า การขอสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ครั้งล่าสุดมี "ยอดปฏิเสธสินเชื่อรายย่อยสูงขึ้น" สะท้อนเครดิตที่ต่ำลงของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งมาจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งกระทบหนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 'ออมสิน' เปิดยื่นกู้สินเชื่อสู้ภัยโควิดผ่าน 'MyMo' วันนี้
- ทำไมถึงขอสินเชื่อ "สู้ภัยโควิด-19" ไม่ผ่าน ?
ผู้อำนวยการธนาคารธนาคารออมสิน ให้ข้อมูลว่าหลังจากที่ธนาคารออมสินได้เริ่มดำเนินโครงการ "สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19" เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนรายได้น้อยในประเทศ โดยให้กู้รายละไม่เกิน 1 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ค.นี้เป็นต้นมา
จากการสำรวจในเบื้องต้นพบว่า "มีจำนวนคนที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ" ในโครงการนี้มีมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงเครดิตของคนกลุ่มนี้ที่แย่ลงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งคนที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อในโครงการนี้ เช่น คนที่เป็นหนี้เสียแล้ว ซึ่งการปล่อยสินเชื่อนั้น ธนาคารก็จำเป็นต้องดูแลสถานะของธนาคารด้วย
ทั้งนี้ โครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ดังกล่าว ธนาคารให้บริการบนระบบ MyMo ของธนาคารออมสินทั้งหมด โดยไม่ต้องมาที่สาขาของธนาคาร ตั้งแต่กรอกข้อมูลสัญญาเงินกู้ จนถึงการอนุมัติสินเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีผู้ขอกู้ ซึ่งทั้งหมดจะใช้เวลา 1 วันเท่านั้น
นอกจาจากจำนวนคนที่ใช้บริการ "MyMo" จำนวน 9 ล้านราย ธนาคารออมสิน ได้กลั่นกรองเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับสินเชื่อดังกล่าวแล้ว 6 ล้านราย ขณะนี้ อนุมัติแล้ว 2.5 แสนราย อย่างไรก็ดี ธนาคารได้กำหนดเป้าหมายเบื้องต้นที่จะให้สินเชื่อดังกล่าวจำนวน 1 ล้านราย คาดว่า เป้าหมายดังกล่าวจะสามารถทำได้ภายในไม่เกิน 2 เดือนนับจากเริ่มโครงการนี้
- เช็คความพร้อม 5 เรื่องต้องรู้ ก่อน "กู้เงิน" ทำยังไงให้ไม่โดน "ปฏิเสธสินเชื่อ"
ธนาคาร "ออมสิน" ให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสินที่ช่วยแนะนำเช็คลิสต์สำคัญของตัวเองก่อนขอสินเชื่อ 5 เรื่อง เพื่อเช็คความพร้อมในการขอสินเชื่อที่แต่ละครั้ง และมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
1) เช็คตัวเองก่อนไปขอสินเชื่อ
ธนาคารออมสิน เปิดเผยบทความ เช็คลิสต์สำคัญก่อนขอสินเชื่อ ไว้ว่า "สาเหตุ" ที่ธนาคาร "ไม่ปล่อยสินเชื่อ" มีหลายกรณี แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละที่ ซึ่งกรณีของการขอสินเชื่อไม่ผ่านมีความแตกต่างกันออกไป เช่น
หากเราเป็นเจ้าของกิจการที่ต้องการขอสินเชื่อเพิ่มสภาพคล่อง แต่เรากลับไม่มีอะไรไปค้ำประกันเลย แบบนี้โอกาสที่จะผ่านค่อนข้างจะน้อย เนื่องจากการที่เราขาดสภาพคล่อง เป็นเรื่องที่เสี่ยงสำหรับการปล่อยสินเชื่อสำหรับธนาคาร ทางที่ดีเราควรมองหาหลักทรัพย์ค้ำประกันไปยื่นเสนอต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารด้วยก็จะผ่านได้โดยง่าย
หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง หากเราเป็นบุคคลธรรมดา และต้องการขอ "สินเชื่อส่วนบุคคล" เราต้องเช็ค "เครดิตบูโร" ของเราให้เรียบร้อย หากติดปัญหา ต้องรีบแก้ไข ด้วยการยื่นชำระเงินคงค้างต่างๆ เพื่อยื่นขอยกเลิกแบล็คลิสต์ ทำได้ดังนี้ก็จะขอสินเชื่อผ่านแบบสะดวกไม่ติดขัดและทำให้มีโอกาสได้รับพิจารณาสินเชื่อมากขึ้น
2) ตรวจสอบเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน
เอกสารในการขอสินเชื่อขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ แต่เอกสารหลักๆ เราควรเตรียมตัวให้พร้อมเสียก่อน เทคนิคง่ายๆ ก็คือ ลองโทรไปสอบถามเอกสารสำคัญต่างๆ และจำนวนสำเนาของเอกสารที่ต้องใช้ เตรียมให้พร้อมก่อนที่จะดำเนินการจริงจะช่วยร่นเวลาในการอนุมัติไปได้มากมายทีเดียว
สมุดบัญชีธนาคาร หรือ บุ๊คแบงก์ควรมีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ หรือในกรณีที่ Statement มีรายได้เข้ามาไม่แน่นอนไม่มีรูปแบบตายตัว หรือมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ หรือบัญชีเราอาจแห้ง นั่นคือสัญญาณที่ไม่ดี หากเรานำเอกสารนี้ไปขอสินเชื่อ โอกาสที่จะไม่ได้รับการอนุมัติจะมีสูงกว่า การเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมใช้อยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการขอสินเชื่อ
3) ตรวจสอบความสามารถทางการเงิน
การตรวจสอบความสามารถในการหาเงินในมุมมองของนายธนาคาร คือ ความสามารถที่เราจะสร้างรายได้เข้ามาได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะนั่นคือความแน่นอน และความเชื่อถือที่เราจะสามารถผ่อนชำระดอกเบี้ยเงินกู้ได้ทุกงวด
ดังนี้ก่อนที่เราจะไปขอสินเชื่อ ควรตรวจสอบความสามารถทางการเงินของเราเสียก่อน หากเราเป็นเจ้าของกิจการควรมีกระแสเงินสดเข้าสู่กิจการอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้การอนุมัติเงินสินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด
4) ตรวจสอบเครดิตของเราเอง
การตรวจสอบเครดิตของเราเองทำได้ง่ายๆ ด้วยการยื่นขอตรวจสอบ "เครดิตบูโร" กับทางธนาคาร อาจเป็นธนาคารที่เราต้องการขอสินเชื่อก็ได้ครับ เพราะการตรวจสอบเครดิตของเราเป็นปัจจัยสำคัญที่ทุกธนาคารใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ สำหรับคนที่คิดว่าเรามีเครดิตตกค้าง ควรดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนไปขอสินเชื่อจะดีที่สุด
5) เตรียมหาผู้ค้ำ/หลักทรัพย์ค้ำประกัน
การอนุมัติสินเชื่อนั้น หลายประเภทจำเป็นต้องใช้ "หลักทรัพย์ค้ำประกัน" หรือ "มีผู้ค้ำประกัน" ที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นผู้ขอสินเชื่ออาจต้องมองหาหลักทรัพย์ที่เหมาะสมกับวงเงินที่ขอสินเชื่อ หากหลักทรัพย์นั้นๆ ยังไม่เหมาะสมพอ ก็ควรหาหลักทรัพย์เพิ่มเติม หรือหาผู้ค้ำประกันในกรณีอื่นๆ หรือแม้แต่หาผู้กู้ร่วมที่มีความน่าเชื่อถือมากๆ ก็จะช่วยให้การอนุมัติผ่านได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง
ที่มา: ธนาคารออมสิน