โควิด-19ระบาดในโรงงานพรึ่บพรั่บ เจอกลุ่มก้อนหลายจังหวัด

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2564 ที่ ทำเนียบรัฐบาล ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,485 ราย แบ่งเป็นการพบในระบบเฝ้าระวังรพ. 1,205 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 2,270 ราย ในเรือนจำ 1,953 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 57 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 19 ราย หายเพิ่ม 3,101 ราย ระลอกเม.ย.ติดเชื้อสะสม 130,929 ราย เสียชีวิตสะสม 937 คน ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 159,792 ราย เสียชีวิตสะสม 1,031 ราย ยังรักษา 50,416 ราย อาการหนัก 1,233 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 390 ราย

"ตัวเลขผู้ป่วยใหม่เมื่อแยกเฉพาะในกรุงเทพฯ พบ 1,356 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินพัน ปริมณฑล 5 จังหวัด พบ 757 ราย และจังหวัดอื่นๆ ไม่รวมในเรือนจำ อีก 3,475 ราย ที่ค่อนข้างมีการแพร่ระบาดในหลายจังหวัด" พญ.อภิสมัย กล่าว

ระบาดในโรงงานพรึ่บหลายจ.

เมื่อจำแนกผู้ป่วยรายใหม่ 10 จังหวัดที่พบมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 1,356 ราย จ.เพชรบุรี 555 ราย ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ จ.สมุทรปราการ 358 ราย พบในโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ในชุมชน ตลาดสำโรง ตลาดเคหะบางพลี และคอนโดมิเนียม จ.สระบุรี 327 ราย พบในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จ.ปทุมธานี 21 ราย พบในตลาดแอร์ โรงงานแปรรูปไก่ในอ.ลำลูกกา, จ.นนทบุรี 90 ราย จ.ตรัง 76 ราย ในโรงงานผลิตถุงมือทางการแพทย์ และมีการแพร่ระบาดในชุมชน จ.ชลบุรี 62 ราย พบมากในชุมชนบางทราย ตลาดสดใน อ.ศรีราช จ.ฉะเชิงเทรา 62 ราย ในโรงงานชำแหละไก่ ลักษณะโรงงานอาศัยอยู่ร่วมกันในหลายเชื้อชาติ และจ.สมุทรสาคร 58 ราย

กทม.2 คลัสเตอร์ใหม่
สถานการณ์ในกทม. มีคลัสเตอร์เฝ้าระวัง 45 แห่ง โดยเป็นพบใหม่ 2 คลัสเตอร์ คือ เขตบางนา แคมป์คนงานก่อสร้าง และเขตสาทร ติดเชื้อในชุมชน และมีหลายคลัสเตอร์ที่สถานการณ์ดีขึ้นมี 8 คลัสเตอร์ต้องเฝ้าระวัง และ 35 คลัสเตอร์เฝ้าระวังสูงสุด
ทั้งนี้เขตที่ยังไม่มีการระบาดเป็นคลัสเตอร์ มี 17 เขต ได้แก่ พญาไท วังทองหลาง ลาดกระบัง บึงกุ่ม สะพานสูง คันนายาว พระโขนง สายไหม ราษฎร์บูรณะ ภาษีเจริญ บางบอน หนองแขม บางขุนเทียน ธนบุรี จอมทอง บางกอกใหญ่และตลิ่งชัน

หารือด่วนเข้มมาตรการโรงงาน
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ที่ประชุมศบค.หารือกันเรื่องการติดเชื้อในโรงงาน เช่น กรณี โรงงานชำแหละไก่ ที่พบในจ.ฉะเชิงเทรา สระบุรี และปทุมธานี จึงมีการตั้งข้อสังเกต ต้องมีการทบทวนปัจจัยร่วม เช่น เป็นไปได้หรือไม่ว่าพนักงานพักในหอเดียวกัน ทำให้โรงงานที่ 1 ก็แพร่ไปโรงงานที่ 2 รวมถึงผู้ดูแลคนงาน ที่นำส่งแรงงานจากโรงงานที่ 1 ไปแห่งที่ 2 จึงต้องไปดูมาตรการเว้นระยะห่างในการเดินทาง และ การดูแลคนงานในสถานประกอบการ โดยจะต้องมีการหารือระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อหามาตรการให้โรงวารปลอดภัย และสร้างความปลอดภัยให้กับสินค้าก่อนไปสู่ผู้บริโภคด้วย