5 'วัคซีนโควิด' ขึ้นทะเบียนในไทย ทั้งวัคซีนหลัก-วัคซีนทางเลือก ใครควรฉีดยี่ห้อไหน?

5 'วัคซีนโควิด' ขึ้นทะเบียนในไทย ทั้งวัคซีนหลัก-วัคซีนทางเลือก ใครควรฉีดยี่ห้อไหน?

"วัคซีนโควิด-19" ที่อย.ได้ขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉินแล้ว จนถึงขณะนี้มีทั้งหมด 5 รายการ มีทั้ง "วัคซีนหลัก" และ "วัคซีนทางเลือก" ส่วนวัคซีน "Pfizer" ล่าสุด มาขอขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้ว

"วัคซีนโควิด-19" ต้อง "ขึ้นทะเบียน" กับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา "อย." เพื่อให้ทราบว่าผู้รับอนุญาตนำเข้าวัคซีนโควิด-19 คือใคร และสามารถติดตามตรวจสอบได้หากวัคซีนนั้นมีปัญหาเชิงคุณภาพหรือความปลอดภัย ผู้รับอนุญาตนำเข้าต้องรับผิดชอบต่อวัคซีนของตน เนื่องจากวัคซีนอาจเกิดผลข้างเคียงหลังจากการฉีดได้

ดังนั้น ในการขึ้นทะเบียนจึงกำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องนำเสนอข้อมูลความปลอดภัย แผนการใช้ และการแก้ปัญหาเมื่อเกิดผลข้างเคียงใด ๆ ขึ้น โดยต้องมีเอกสารชี้แจงรายละเอียดมายืนยันพร้อมการขึ้นทะเบียน กับ อย.

สำหรับวัคซีนทุกรายการที่มาขึ้นทะเบียนกับ อย. จะมีการประเมินด้านความปลอดภัย คุณภาพและประสิทธิผลของวัคซีนจากผู้เชี่ยวชาญ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับคนไทย

การประเมินด้านความปลอดภัยจะพิจารณาผลการศึกษาในสัตว์ทดลอง และความปลอดภัยในคน เช่น ขนาดโดสที่ใช้ ระยะเวลาการให้วัคซีน ด้านคุณภาพ จะครอบคลุมทั้งการควบคุมคุณภาพการผลิตตัวยาสำคัญของวัคซีน กระบวนการผลิตวัคซีน การตรวจประเมินสถานที่ผลิตวัคซีนตามมาตรฐาน GMP ซึ่งทุกขั้นตอนต้องมีการประกันคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

162341791030

ด้านประสิทธิผลของวัคซีน ต้องผ่านการวิจัยในคน มีการติดตามผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในคนที่ร่างกายแข็งแรง คนที่มีโรคแทรกซ้อน หรือกลุ่มเฉพาะ เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือคนชรา ตลอดจนแผนการจัดการความเสี่ยงของวัคซีน สำหรับเรื่องราคาวัคซีน อย. ไม่ได้เป็นผู้กำหนด

 

  • วัคซีนที่ขึ้นทะเบียน อย.ไทยแล้ว

ปัจจุบัน อย. อนุมัติขึ้นทะเบียน ‘วัคซีนโควิด-19’ จำนวน 5 บริษัท ได้แก่

1. วัคซีน AstraZeneca’ โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด

2. วัคซีน ‘Sinovac’ ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม

3.วัคซีน 'Johnson & Johnson' โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด

4.วัคซีน ‘Moderna’ หรือ โมเดอร์นา โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด

5. วัคซีน ‘Sinopharm’  โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด 

  

  • วัคซีนที่อยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียน

ส่วนวัคซีนที่อยู่ระหว่างการประเมินคำขอขึ้นทะเบียน ได้แก่

1. วัคซีน ‘Covaxin’ โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด 

2. วัคซีน ‘Sputnik V’ โดยบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด

3. วัคซีน 'COMIRNATY' ซึ่งเป็นวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด

162339306932

ทั้งนี้ หากบริษัทที่เป็นเจ้าของวัคซีนหรือตัวแทนไม่มายื่นขึ้นทะเบียนกับ อย. ด้วยตนเอง อย. ไม่สามารถนำข้อมูลวิชาการต่าง ๆ ของวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากต่างประเทศมาดำเนินการขึ้นทะเบียนได้ เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นของบริษัทและเป็นความลับทางการค้าที่ไม่เปิดเผย จึงขอเชิญบริษัทที่สนใจมายื่นขอขึ้นทะเบียน 'วัคซีนโควิด-19' อย. พร้อมอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนอย่างเต็มที่

     

  • 5 'วัคซีนโควิด-19' ที่ อย.ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในไทย

1. วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca)

นำเข้าโดยบริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 

 ‘AstraZeneca’ สามารถฉีดให้แก่ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน  ‘AstraZeneca’

  • เป็นผู้ที่ไม่มีอาการไข้ขึ้นสูงเกิน 37.5 องศา ในวันที่เข้ารับการฉีดวัคซีน
  • ไม่มีโรคประจำตัวขั้นรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมโรคได้ ได้แก่ โรคความดัน โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง กลุ่มโรคระบบประสาท กลุ่มโรคเบาหวานและโรคอ้วน
  • ไม่มีประวัติแพ้ยาหรือสารประกอบในกลุ่มที่ระบุ
  • ผู้มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ความผิดปกติในการแข็งตัวของเกล็ดเลือด หรือผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด สามารถฉีดวัคซีนได้ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ฯ

ประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีดังต่อไปนี้

  • ช่วยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) เมื่อมีการฉีดวัคซีนมากกว่า 70% ของจำนวนประชากร
  • หลังฉีดเข็มแรก 30 วัน ผู้ใช้วัคซีนมีภูมิคุ้มกันถึง 96.7% ลดอัตราการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า-สูงถึง 63.0% หลังฉีดเข็มแรก 3 สัปดาห์

162341793549

ผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนป้องกัน-19

  • > 60% มีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด
  • > 50% มีอาการปวดศรีษะ และ อ่อนเพลีย
  • > 40% มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • > 30% มีอาการไข้ หนาวสั่น
  • > 20% มีอาการปวดข้อ และ คลื่นไส้
  • < 1% มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต เบื่ออาหาร มึนหรือเวียนศรีษะ ปวดท้อง เหงื่อออกมากผิดปกติ มีผื่นคัน 

จากข้อมูลการใช้วัคซีนในสหราชอาณาจักพบภาวะลิ่มเลือก 0.000013 % ใน 1,000,000 คน และจากข้อมูลการใช้วัคซีนในประเทศอินเดียพบภาวะลิ่มเลือด 0.61 ใน 1,000,000 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2564)

2. วัคซีน ‘Sinovac’ หรือ วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac)

นำเข้าโดย องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2564

แนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี แต่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ควรให้แพทย์พิจารณาก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีน ‘Sinovac’ ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง
  • ผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้อย่างรุนแรง เช่น แพ้อาหาร แพ้โลหะ
  • ผู้มีไข้ หรือเจ็บป่วยรุนแรง
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรังซึ่งไม่สามารถควบคุมโรคให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยได้
  • ผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาทรุนแรง
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร ยังไม่ควรเข้ารับวัคซีนโควิด เว้นแต่ได้รับการประกาศยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว

162341796880

ประโยชน์ของ "วัคซีนซิโนแวค" ป้องกันโควิด-19 มีดังต่อไปนี้

การทดลองวัคซีน‘Sinovac’ ในจีนยืนยันประสิทธิภาพ 78 %ในกลุ่มผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีนโควิดยี่ห้อนี้กลับแตกต่างไปในหลายประเทศ

องค์การอนามัยโลกประกาศว่า วัคซีน‘Sinovac’มีประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้ออยู่ที่ 51%  และยืนยันป้องกันอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต 100 เปอร์เซ็นต์

ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส: 67%

ประสิทธิภาพในการลดอาการรุนแรงถึงชีวิต: 85%

ประสิทธิภาพในการลดการแพร่เชื้อ: ไม่พบข้อมูล

ผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนป้องกัน-19

ประเทศไทย ปัจจุบัน (15 มีนาคม 2564) มีรายงานจำนวนผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ (adverse reaction) จากการฉีดวัคซีนโควิดซิโนแวค ซึ่งไม่ใช่การแพ้วัคซีน (allergic reaction) ดังนี้

  • อาเจียน 17%
  • ปวดเมื่อยเนื้อตัว 14%
  • อักเสบบริเวณที่ฉีด 13%
  • มีไข้ 11%

162341802492

นอกจากนั้นยังมีอาการปวดศีรษะ ท้องเสีย ผื่นขึ้น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ มีอาการปวด บวมแดง บริเวณที่ฉีดวัคซีน ซึ่งกรมควบคุมโรคยืนยันว่า เป็นอาการที่พบได้เป็นปกติหลังรับวัคซีน อาการดังกล่าวจะไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 1-2 วันหลังรับวัคซีน

ส่วนอาการแพ้วัคซีนโควิดนั้นจะมีอาการรุนแรงกว่ามาก เช่น มีไข้สูง หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ปวดศีรษะรุนแรง ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง อาการแพ้รุนแรงบริเวณที่ฉีดวัคซีน

ณ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับอาการแพ้วัคซีนโควิด

3. วัคซีน 'Johnson & Johnson' (รอเข้าไทย)

นำเข้าโดย บริษัท แจนเซ่น - ซีแลก จำกัด ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2564

'Johnson & Johnson' สามารถฉีดได้ผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป 

การฉีดวัคซีน 'Johnson & Johnson' ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี สตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่กำลังให้นมบุตร เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิดอื่น
  • ผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบของวัคซีน
  • ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครั้งก่อนๆ
  • ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ซึ่งอาจก่อโรคในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงได้มาก

162341805217

ประโยชน์ของวัคซีน "จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน" ป้องกันโควิด-19 มีดังต่อไปนี้

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2564 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการทดสอบระยะที่ 3 ของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ผ่านทาง Morbidity and Mortality Weekly Report (MMWR) มีรายละเอียด ดังนี้

  • หลังเข้ารับการฉีดวัคซีน 14 วัน มีประสิทธิภาพในการป้องกัน 66.3%  
  • หลังเข้ารับการฉีดวัคซีน 28 วัน มีประสิทธิภาพในการป้องกัน 65.5% 

ผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนป้องกัน-19

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

  • ปวด บวม และมีรอยแดง บริเวณที่ฉีด
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว
  • มีไข้ และอาการหนาวสั่น
  • คลื่นไส้

ผลข้างเคียงเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วัน หลังได้รับการฉีดวัคซีน และควรหายภายในระยะเวลาไม่กี่วัน

162341834978

ส่วนผลข้างเคียงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) อาจเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์หลังฉีดวีคซีน ได้แก่

  • ปวดศีรษะรุนแรง หรือปวดอย่างต่อเนื่อง
  • ตาพร่ามัว
  • หายใจถี่
  • เจ็บหน้าอก
  • ขาบวม
  • ปวดท้องอย่างรุนแรง
  • มีรอยช้ำ หรือจ้ำเลือด นอกเหนือจากบริเวณที่ฉีด

หากมีอาการเหล่านี้อย่างน้อย 1 อาการ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

4. วัคซีน ‘Moderna’ (รอเข้าไทย)

นำเข้าโดยบริษัท ซิลลิคฟาร์มา จำกัด ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2564

ฉีดให้แก่ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป

วัคซีนโควิด ‘Moderna’ ไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้สูงอายุที่มีร่างกายอ่อนแอมาก หรือได้รับการประเมินว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ควรได้รับการพิจารณาร่วมกับแพทย์เป็นรายบุคคล
  • ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรรอผลการศึกษาเพิ่มเติมก่อน
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ทั้งแบบรุนแรง และไม่รุนแรงต่อส่วนผสม mRNA ในวัคซีนโควิด-19 ไม่ควรรับวัคซีนชนิดนี้
  • ผู้ที่มีพบว่ามีอาการแพ้หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ไม่ควรรับวัคซีนชนิดนี้เพิ่มเติม
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารโพลีเอธิลีน ไกคอล (Polyethylene glycol: PEG) ซึ่งเป็นส่วนผสมในยาและเครื่องสำอางบางชนิด ซึ่งมีอยู่ในวัคซีน‘Moderna’
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารพอลิซอร์เบต (Polysorbate) ซึ่งเป็นส่วนผสมในยาและเครื่องสำอางบางชนิด แม้จะไม่มีอยู่ในวัคซีนโควิดโมเดอร์นา แต่คุณสมบัติใกล้เคียงกับ PEG มาก จึงอาจเป็นอันตรายได้

หากไม่แน่ใจในชนิดของสารที่ตนเองแพ้ แต่ทราบว่าเคยมีประวัติแพ้วัคซีนชนิดใดมาก่อนในอดีต สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาว่าควรฉีดวัคซีนชนิดนี้หรือไม่

162341837449

วัคซีน ‘Moderna’ ป้องกันสายพันธุ์ใหม่ได้ไหม?

จากหลักฐานที่มี ณ เวลานี้ วัคซีน ‘Moderna’ ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดได้หลายสายพันธุ์ ดังนี้

  • สายพันธุ์ที่ค้นพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร (B.1.1.7)
  • สายพันธุ์ที่ค้นพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ (B.1.351)
  • สายพันธุ์ที่ค้นพบครั้งแรกในบราซิล (P.1)

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีน‘Moderna’ในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ต่างๆ และผลข้างเคียง ยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งทุกคนควรติดตามต่อไป

ประโยชน์ของ 'Moderna' มีอะไรบ้าง?

วัคซีน 'Moderna' อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด 19 อยู่ที่ประมาณ 92% โดยมีรายละเอียดแยกย่อย ดังนี้

  • หลังจากฉีดเข็มแรกไปแล้ว 14 วัน จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ 50.8%
  • หลังจากฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ประมาณ 92.1%

162341853836

อย่างไรก็ตาม แม้วัคซีน 'Moderna' จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาอยู่ได้หลายเดือน แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าภูมิคุ้มกันนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน หรือผู้ที่รับเชื้อสามารถแพร่กระจายต่อได้หรือไม่

รวมถึงประสิทธิภาพที่ได้จากกลุ่มทดลอง อาจมีความแตกต่างกับการฉีดให้กับประชากรจริงที่อยู่เหนือขอบเขตการทดลองเนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความหลากหลายของเชื้อไวรัส

ดังนั้นแม้จะรับวัคซีน 'Moderna' ไปแล้ว ก็ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดกันหลายคน ควรหาช่องทางระบายอากาศเพื่อลดโอกาสเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ

ผลข้างเคียงของวัคซีน'Moderna'

อาจดูคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ ดังนี้

  • เจ็บ หรือบวมบริเวณที่ฉีด
  • อาจมีอาการหนาวสั่น เป็นไข้
  • อาจมีอาการอ่อนเพลีย
  • อาจมีอาการปวดหัว

ผลข้างเคียงของวัคซีนโควิดโมเดอร์นา (Moderna) อาจเริ่มแสดงออกภายใน 1-2 วันหลังจากรับวัคซีน โดยอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน

5.วัคซีน ‘Sinopharm’   

นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ขึ้นทะเบียนเมื่อ 28 พ.ค.2564

อายุที่ฉีดได้ ต้องเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป แต่ WHO ระบุว่า ยังไม่พบข้อมูลความปลอดภัยของผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี

ข้อห้ามในการฉีดวัคซีน‘Sinopharm’

  • ห้ามฉีดในผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครั้งก่อนหน้า
  • ห้ามฉีดในผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
  • ห้ามฉีดในผู้ที่อาหารภูมิแพ้อย่างรุนแรง
  • ห้ามฉีดในผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ห้ามฉีดในผู้หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์
  • ห้ามฉีดในผู้ที่มีไข้ หรืออุณหภูมิในร่างกายสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส

162341857743

ประโยชน์ของวัคซีน ‘Sinopharm’   

  • ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส: 78.1-79.34%
  • ประสิทธิภาพในการลดอาการรุนแรงถึงชีวิต: 100%
  • ประสิทธิภาพในการลดการแพร่เชื้อ: ไม่พบข้อมูล

ผลข้างเคียงวัคซีน‘Sinopharm’   

  • ปวด บวม และมีรอยแดง บริเวณที่ฉีด
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว
  • มีไข้ และอาการหนาวสั่น
  • คลื่นไส้

อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วัน หลังได้รับการฉีดวัคซีน และควรหายภายในระยะเวลาไม่กี่วัน

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก เคยรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง 2 เหตุการณ์ที่อาจเชื่อมโยงกับวัคซีนโควิด-19 ซิโนฟาร์ม ได้แก่ อาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง และความผิดปกติที่ระบบประสาท หรือโรคไข้สมองอักเสบเฉียบพลัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

องค์การอนามัยโลก ยังพิจารณาข้อมูลจากจีน พบว่า ในบรรดาประชากรจีน 5.9 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ซิโนฟาร์ม ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2020 มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 1,453 ราย แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่

162341859890

วัคซีน‘Sinopharm’ ราคาต่อโดสละ 888 บาท  

สถานะการรับรองโดย WHO: วัคซีน‘Sinopharm’ ที่ผลิตโดยบริษัทจากปักกิ่ง ได้รับการรับรองจาก WHO โดยได้จดทะเบียนให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน แต่วัคซีนซิโนฟาร์มที่ผลิตโดยบริษัทในอู่ฮั่น ยังไม่ได้รับการรับรองจาก WHO

ข้อควรระวัง: ยังถือเป็นวัคซีนที่มีข้อมูลหลังเริ่มฉีดให้กับคนทั่วโลกได้น้อยเมื่อเทียบกับวัคซีนตัวอื่นๆ และยังไม่มีข้อมูลผลของการฉีดวัคซีนแบบผสมกับวัคซีนอื่นๆ นอกจากการเริ่มลองฉีด‘Sinopharm’กับซิโนแวคในประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด รัฐบาล นำโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ลงนามในสัญญาเทอมชีท (Term Sheet) กับวัคซีน ‘Pfizer’  โดยมีการทำบันทึกความตกลงจะซื้อจะขาย ซึ่งจะมีเวลา 1 เดือน ในการตกลงเงื่อนไขและราคา เบื้องต้นจำนวน 20 ล้านโดส ส่งมอบภายในปีนี้ 

โดยวัคซีน  ‘Pfizer’ เป็น‘วัคซีนโควิด 19’ บริษัทแรกที่ประสบความสำเร็จในการทดลองเฟสสาม โดยบริษัทได้ประกาศว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 และต่อมาได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินจากคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2563 ให้ใช้ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป

ฉะนั้น ขณะนี้แม้ 'วัคซีนโควิด-19' เหล่านี้จะผ่านการขึ้นทะเบียนของอย.และมีการนำเข้ามาฉีด หรือกำลังรอนำเข้ามาในไทย ทุกคนควรจะฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และต่อให้ฉีดวัคซีนไปแล้ว ทุกคนต้องปฎิบัติตัวป้องกันโรค 'โควิด-19' สวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 

   

อ้างอิง : รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , hdmall , คลังความรู้สุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข , trueid