โบรก ชี้ 'โควิดยืดเยื้อ' เล็งหั่นเป้ากำไรแบงก์ปีนี้
"กลุ่มแบงก์"ไตรมาส2/64 กำไร 5.1 หมื่นล้าน โต 69% เหตุ ตั้งสำรองลด-รายได้ค่าฟีเพิ่ม บล.กสิกรไทย ชี้ผลงานออกมาดีกว่าคาด บล.เอเซีย พลัส ชี้ หากโควิดระบาดยืดเยื้อ เล็งหั่นกำไรลงไม่เกิน10% ธปท.เผยไตรมาส3/64เล็งออกประกาศให้สถาบันการเงินทุกแห่งเปิดอัตราค่
กลุ่มธนาคารพาณิชย์(แบงก์)ได้ประกาศกำไรไตรมาส2ปี2564 ครบ 10 แห่งประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ธนาคารกรุงเทพ(BBL)ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB ) บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร(KKP)ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT) ธนาคารกรุงไทย (KTB)และ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) พบว่ามีกำไรสุทธิ 51,264.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.14% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30,309.68 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่าย และการตั้งสำรองที่ลดลง
ทั้งนี้ธนาคารที่มีกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดคือ KBANK เพิ่มขึ้น 308% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน รองมาคือBAY กำไรเพิ่มขึ้น 123% BBLซึ่งมีกำไรเพิ่มขึ้น 105% CIMBT เพิ่มขึ้น 100% ขณะที่การตั้งสำรอง หรือ ผลขาดทุนด้านเครดิต ไตรมาส2อยู่ที่ 47,543 ล้านบาท ลดลง19.78% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 59,261 ล้านบาท
สำหรับกำไรครึ่งปีแรก 2564 ของกลุ่มแบงก์ที่ 97,896.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น26.89% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 77,146.46 ล้านบาท และมีการตั้งสำรองที่104,961ล้านบาท ลดลง16.49%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 125,691 ล้านบาท
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า กำไรแบงก์ไตรมาส 2 ปี 2564ที่ออกมาถือว่าดีกว่าที่คาด ส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งสำรองพิเศษออกมา เพราะได้ตั้งสำรองไปก่อนหน้ามากแล้ว แต่แพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรงขึ้นนำไปสู่การยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ประเมินผลกระทบกับกลุ่มแบงก์ยังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้จากมาตรการพักหนี้ของธปท. รอบนี้ ไม่ทำให้หนี้เสียเพิ่่มจนเป็นภาระของแบงก์มากนัก และมองว่าผลจากมาตรการรอบนี้ ไม่น่าจะมีลูกหนี้มาขอความช่วยเหลือมากเท่าปีก่อน คาดน่าจะเห็นตัวเลขสัดส่วนลูกหนี้ที่ขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเพียง 17-18% จากในครึ่งปีแรก 2564 มียอดลูกหนี้ของความช่วยเหลือสะสมอยู่ที่สัดส่วน 14 % ของสินเชื่อทั้งระบบ
ส่วน รายได้ค่าฟี ในไตรมาส3นี้ จะลดลง จากการปิดสาขาชั่วคราวที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่คาดไม่เกิน 20%ทำให้คาดว่าจะมีผลกระทบต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรในปีนี้ลงเพียงไม่เกิน 5-7% เท่านั้น
นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า กลุ่มแบงก์ประกาศงบกำไรไตรมาส 2 ปี2564 เป็นไปตามที่คาดไว้ หลังจากนี้ต้องติดตามงบกำไรไตรมาส 3 ปี2564 ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มชะลอตัวลง จากมาตรการล็อกดาวน์ช่วงเดือนก.ค.นี้ น่าจะยังส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย(ค่าฟี)ลดลงต่อเนื่อง
ทั้งนี้หากการแพร่ระบาดยังทรงตัวเช่นนี้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4คาดค่าฟีลดลง การตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสปรับลดประมาณการณ์กำไรกลุ่มแบงก์ในปีนี้ลงไม่เกิน 10%
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา หัวหน้าฝ่ายวิจัยส่วนนักลงทุนรายบุคคล บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า งบกำไรกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 2 ปี 2564 ยังเป็นไปตามที่คาด และยังต้องรอติดตามผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด -19 ในไตรมาส 3ปีนี้ที่ชัดเจนก่อน แต่คาดว่ากำไรจะชะลอตัวจากไตรมาส2ปีนี้ ในส่วนของบริษัทจึงคงประมาณการณ์กำไรกลุ่มแบงก์ในปีนี้เอาไว้ก่อน
ทั้งหากโควิด-19ระบาดยืดเยื้อในไตรมาส 3 นี้ มีโอกาสแบงก์ตั้งสำรองขึ้นได้อีก ตามหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น จากขณะนี้แบงก์ส่วนใหญ่ยังรอประเมินสถานการณ์ ส่วนค่าฟียังปรับลดลงได้ต่อเนื่อง แต่หากคุมการแพร่ระบาดไตรมาส 4 นี้ ทุกอย่างน่าจะปรับดีขึ้น
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ปี 2564 ธปท.จะออกประกาศให้สถาบันการเงินทุกแห่งเปิดเผยอัตราค่าธรรมเนียมรวมกว่า 300 รายการ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการให้สถาบันการเงินต่างๆ ทบทวนรายการค่าธรรมเนียมให้สะท้อนต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงมากขึ้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกใช้บริการได้