‘ภท.-ปชป.’ กัดฟันอุ้ม ‘ประยุทธ์’ โควิดวิกฤติ ไม่เอื้อสละเรือเหล็ก
การทู่ซี้อยู่ร่วมกันไปแบบนี้จนครบวาระ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทั้ง 2 พรรค หากไม่ถึงทางตันจริงๆ คงไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากเลือกตั้งบ่อยๆ
ทำเอา 2 พรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “ภูมิใจไทย” และ “ประชาธิปัตย์” ต้องรีบออกมาแสดงจุดยืนโดยไม่ต้องนัดหมาย หลังสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ในรัฐบาล ที่ออกอาการระหองระแหง จนมีคำถามส่งไปถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมระหว่างนั่งเป็นประธานการประชุม ครม. เมื่อ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะคำถามถึงข้อเรียกร้องให้ทั้งสองพรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เมื่อได้จังหวะ “นายกฯ” จึงพูดกลางวงประชุมให้รัฐมนตรีจากทุกพรรคได้ยินพร้อมๆ กันว่า “ผมไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทุกคนช่วยกันทำงาน ผมไม่คิดว่าเป็นเวลาของการเล่นการเมือง ถ้าท่านจะออกจากผมก็แล้วแต่ ผมก็จะทำงานของผมต่อไป ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ”
วันต่อมาจึงได้เห็น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ออกมาประกาศท่าที ด้วยคำมั่นสัญญา “ไม่เคยคิด แน่นอนว่าพรรคภูมิใจไทยยังมั่นคง เหนียวแน่น อยู่ร่วมรัฐบาลยาวจนครบวาระ”
ขณะที่เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค ก็สำทับว่า “พรรคภูมิใจไทยไม่เคยคิดเรื่องที่จะทิ้งรัฐบาล และนายกฯ”
ส่วน “ประชาธิปัตย์” โดย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ในบทสุภาพบุรุษการเมือง ก็ออกมาสยบประเด็นร้อนนี้ว่า “เห็นใจท่านนายกฯเพราะทำงานหนัก และต้องแบกรับทุกปัญหา นายกฯ ก็พูดแล้วว่าขอให้ทุกฝ่ายอดทน ไม่ว่าใครรวมทั้งผม จะทำงานใหญ่ก็ต้องหนักแน่น ไม่ซ้ำเติมวิกฤติและไม่โกง”
ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้ว ทั้ง 2 พรรคร่วมที่ว่า จะแอบคิดเรื่องถอนตัวอยู่บ้าง ด้วยสถานการณ์ของรัฐบาลที่เผชิญแรงกดดันมหาศาลจากวิกฤติโควิด ทางเลือกอย่างการถอนตัวอาจได้รับการเสียงเชียร์ในตอนต้น แต่ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ มั่นใจหรือไม่ว่า มีศักยภาพในการจับมือเป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล หรือพลิกขั้วใหม่
หรือถ้าการถอนตัวแล้วนำไปสู่การยุบสภา เลือกตั้งใหม่จริงๆ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ มีความพร้อม มั่นใจแล้วหรือว่าจะได้รับเลือกตั้ง และได้ ส.ส.มากกว่าคราวก่อน
คำตอบของ “อนุทิน” และ “จุรินทร์” เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า ยังไม่พร้อมไปถึงจุดนั้น ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดใจอย่างไร ก็ได้แต่ให้ลูกพรรคออกมาเล่นกันหลายหน้า ทั้งตีโพยตีพาย ฟาดชิ่ง ไม่ยอมเป็นแพะรับบาป ทั้งที่เรื่องบางในการแก้โควิด-19 และจัดหาวัคซีน มีต้นทางมาจากกระทรวงสาธารณสุขก็ตาม
การทู่ซี้อยู่ร่วมกันไปแบบนี้จนครบวาระ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทั้ง 2 พรรค หากไม่ถึงทางตันจริงๆ คงไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากเลือกตั้งบ่อยๆ ในเมื่อยังอยู่ในอำนาจ ก็ต้องใช้เวลาตรงนี้ไปจนสุดทาง สะสางเรื่องที่ค้างคา เตรียมตัวให้พร้อมก่อน ย่อมดีกว่า
ในมุมของนักการเมืองรุ่นเก๋า อย่าง เฮียตือ “สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” อดีตรองประธานสภาฯในวันที่สวมเสื้อภูมิใจไทย มองขาด
"สถานการณ์โรคระบาด และการแก้ปัญหาที่ไม่แล้วเสร็จ เชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองใดคิดจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะแต่ละคนมีแผลเต็มตัว ที่อาจทำให้คู่แข่งใช้เล่นงานทางการเมืองในสนามเลือกตั้งได้ เชื่อว่าไม่มีใครกล้าไปแน่นอน ทั้งภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ หากลงเลือกตั้งในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีทางชนะ หากยุบในสถานการณ์ตอนนี้ แพ้แน่นอน และยังเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ยุบสภา และไม่ลาออก"
ในฟากของ “พลังประชารัฐ” ก็รู้ทันเกมพรรคร่วม แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคประเมินแล้วว่าสถานการณ์ของรัฐบาลยังไม่ถึงทางตัน มีทางให้เดินต่อไปได้ ส่วนเกมการเมืองของพรรคร่วมที่ออกมาสร้างแรงกระเพื่อมตรงนั้นที ตรงนี้ที ทุกอย่างมีทางแก้ไว้หมด
ถึงตอนนี้ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์บังคับให้ต้องร่วม “รัฐนาวาประยุทธ์” ต่อไป ด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้อให้สละเรือเหล็ก
หนำซ้ำ ทั้ง 2 พรรคที่คุมกระทรวงเกรดเอ ยังมี บิ๊กโปรเจ็กต์ให้ต้องปิดจ็อบ คงไม่ยอมปล่อยมือกลางคัน นอกจากนั้น ถ้าเช็คขุมกำลังอำนาจ และองคาพยพของ "3 ป." ยังไงก็ยังได้เปรียบ
ถ้านักรบย่อมมีบาดแผลฉันใด นักการเมืองก็ย่อมมีบาดแผลฉันนั้น
ตรงนี้เองที่ "3 ป." ถือไพ่เหนือกว่า เพราะมีสารพัดกลไกใช้เป็นเงื่อนไขบีบ หรือต่อรองจนไม่มีพรรคใดกล้าแตกแถว