เดือนเดียว! 'รพ.บุษราคัม'รับผู้ป่วยโควิด 9,000 คน อาการซับซ้อนขึ้น

     เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 2564  นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้อำนวยโรงพยาบาลบุษราคัม  แถลงข่าวประเด็น “UPdate การให้บริหาร รพ.บุษราคัม” ว่า รพ.บุษราคัม เปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2564 เดิมมีเตียงจำนวน 1,100 เตียง  จากนั้นก็มีการขยายเตียงมาเป็นระยะ ขณะนี้มีเตียงรองรับจำนวน 3,700 เตียง  ตั้งแต่เปิดบริการมา 2 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วยสะสม 12,929 คน ผู้ป่วยกลับบ้านแล้วประมาณ 9,000 คน ยังรักษาอยู่ 3,500 คน  และมีบางส่วนส่งต่อไปรักษาที่รพ.อื่นๆ ที่มีศักยภาพสูงขึ้น

       ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.-30 มิ.ย.ประมาณเดือนครึ่ง ซึ่งเป็นช่วงแรกใช้เตียงแค่ 2 พันเตียง ผู้ป่วยสะสมประมาณ 4,200 คน เฉพาะเดือน ก.ค.รับผู้ป่วยแล้วเกือบ 9 พันคน แสดงให้เห็นว่าเดือน ก.ค.มีผู้ป่วยจำนวนมาก และอาการซับซ้อน อาการหนักกว่าเดือน พ.ค. และ มิ.ย. โดยผู้ป่วยสีแดงต้องให้เครื่องหายใจช่วงพ.ค. แทบไม่มี  มิ.ย.มีประมาณ 2 % แต่ก.ค.มี 5% แต่เฉพาะครึ่งเดือนหลังของก.ค.คิดเป็น 10% มีการใช้เครื่องช่วยหายใจ เครื่องออกซิเจนจำนวนมาก โดยรพ.มีจุดบริการออกซิเจน 800 จุดจากกว่า 3 พันเตียง และเมื่อ 3-4 วันก่อน ใช้ออกซิเจนไปประมาณ 750 จุด จึงจำเป็นต้องจัดหาเครื่องผลิตออกซิเจนมาเสริม ขณะนี้สั่งซื้อไปแล้ว 550 เครื่อง เพราะจากการพยากรณ์จะมีการระบาดต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง  รวมถึง กำลังจัดทำไอซียูวิกฤต 17 เตียงที่เป็นห้องระบบความดันลบ เฉพาะผู้ป่วยวิกฤตอาการหนัก คาดว่าจะเปิดได้ในสัปดาห์หน้า  มีเครื่องไม้เครื่องมือครบตามแบบไอซียู และมีทีมแพทย์พยาบาลประจำไอซียู

ในระยะแรกนโยบายอยากให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในรพ.ทุกคน ซึ่งรพ.บุษราคัม จะมีผู้ป่วยทุกประเภท ทุกสัญชาติ ทั้งไทย ต่างชาติ ลาว เมียนมา กัมพูชา โดยช่วงแรกสัดส่วนคนต่างด้าวจำนวนมากประมาณ 40% ปัจจุบัน ก.ค. ลดลงเหลือ 20% ที่เหลือเป็นคนไทย อย่างไรก็ตาม ในการให้บริการผู้ป่วยรับทุกประเภท ยิ่งปัจจุบันอาการซับซ้อนมาก รุนแรงมากขึ้น เห็นได้จากการใช้เครื่องช่วยหายใจ อย่างต้นเดือนใช้เครื่องช่วยหายใจ 50-60 เครื่อง ปัจจุบันใช้ 160 เครื่องเป็นบางวัน และประเภทของผู้ป่วย

“รพ.บุษราคัม มีการแยกกลุ่มผู้ป่วยตามความเสี่ยง เช่น หมู่บ้านเบาหวาน หมู่บ้านรอล้างไต หรือกลุ่มผู้ป่วยวิกฤต จะแบ่งออกเป็นโซนๆ เช่น โซนใช้ออกซิเจน โซนใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนกรณีผู้ป่วยที่มีลักษณะเป็นครอบครัว ยิ่งช่วง ก.ค. ติดต่อในครอบครัวเพิ่มขึ้น จะพบผู้ป่วยมาเป็นครอบครัว ทั้งพ่อแม่ลูกเล็ก ลูกดูแลพ่อแม่ป่วยติดเตียง ก็จัดให้อยู่ด้วยกัน หรืออยู่ใกล้กันที่สุด แต่ในผู้ป่วยหลายส่วนการดูแลอาจไม่ 100% เต็มที่เหมือนอยู่รพ. เพราะสถานการณ์ไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ แต่ก็พยายามเพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าสู่ระบบ รพ.ก่อน และพยายามบริการให้มากที่สุดใกล้เคียงเหมือนอยู่ รพ.จริงๆ ตามความสามารถ ซึ่งขณะนี้บุคลากรก็เต็มที่” นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว