ทิ้งแบรนด์ นปช. สร้างเครือข่าย 'ไล่ประยุทธ์'
แม้ “ณัฐวุฒิ” พยายามจะบอกว่า คาร์ม็อบเที่ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องของ นปช. แต่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เวลานี้ต้องจับตา เพราะนี่อาจเริ่มการต่อสู้ในประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
สถานการณ์การเมืองระอุขึ้นทุกที เมื่อสารพัดกลุ่มประกาศชุมนุม “ไล่ประยุทธ์” โดยไม่สนใจการระบาดของโควิด-19 ขบวน “คาร์ม็อบ” มาตามนัด ในวันอาทิตย์ 1 ส.ค.2564 นำโดย “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ จุดนัดพบถนนวิภาวดี-รังสิต
คาร์ม็อบ หรือ #ม็อบ 1 สิงหา ของ บก.ลายจุด กระจายไปในหลายสิบจังหวัดทั่วประเทศ เป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ตามแนวถนัดของเขา
ทว่า ที่น่าสนใจคือ วันนี้มีดาวเด่นอย่าง เต้น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เลขาธิการ นปช. เข้ามาร่วมด้วย โฟกัสการเมืองจึงจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของเขา นปช.
ขบวนที่นำโดย “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” นัดพบสี่แยกราชประสงค์ ก่อนที่ รถเก๋ง จยย.และแท็กซี่ หลายร้อยคัน จะเคลื่อนไปรวมกับคาร์ม็อบของ บก.ลายจุด ที่ถนนวิภาวดี
“เต้น” ณัฐวุฒิ สวมเสื้อแดง มีตัวหนังสือคำว่า “ไพร่” ตรงกลางอก ขึ้นเวทีปราศรัยพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเคลื่อนรถไปสมทบกับกิจกรรมคาร์ม็อบ ของ “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ถนนวิภาวดีรังสิต
แม้ “ณัฐวุฒิ” พยายามจะบอกว่า คาร์ม็อบเที่ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องของ นปช. เป็นเรื่องส่วนตัว แต่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของคาร์ม็อบ ก็มีทั้งผ้าแดง และติดสติกเกอร์สีแดงข้อความ #ไล่ประยุทธ์ แถมด้วยศิลปินคนเสื้อแดง ที่มาร้องเพลงรำลึกการถูกสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อ 19 พ.ค.2553
ที่ขาดไม่ได้คือ การติดธงที่มีรูปของ “ทักษิณ ชินวัตร” พร้อมข้อความ “นายกในดวงใจ” เนื่องจากผู้ที่เข้าร่วมคาร์ม็อบสายณัฐวุฒิ ล้วนแต่เป็นคนเสื้อแดง และคนรักทักษิณ
ณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า เป็นการทำเพื่อตอบสนองความทุกข์ยากเจ็บปวดและยืนยันเกียรติยศศักดิ์ศรีของประชาชน ตนเริ่มต้นด้วยความรู้สึกนี้และจะไล่ให้ได้ วันนี้ไม่ออก พรุ่งนี้ก็ไล่อีกก็จะทำอย่างสุดกำลัง “อีกไม่กี่วัน เดี๋ยวรู้ เราจะเดินหน้าอย่างไร เราจะไม่หยุดแน่ จะเดินหน้ากันต่อไป ในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน ยืนยันว่าเราจะแสดงออกด้วยสันติวิธี”
จะว่าไปแล้ว ก็แทบไม่มีสัญญาณว่า “ณัฐวุฒิ” จะออกมาชักธงรบ เพราะก่อนหน้านี้ นปช.หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ องค์กรใหญ่ที่แยกเป็น 2 สายคือ "สายตู่" และ"สายเต้น" มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่ ต่างสงบนิ่ง มีเพียงบางกลุ่มที่เข้าไปร่วมทำกิจกรรมกับเยาวชนคนหนุ่มสาว
ช่วงที่ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ขับเคลื่อนขบวนไทยไม่ทน ออกสู่ท้องถนน ปรากฏว่า นปช.สายณัฐวุฒิ และธิดา กลับนิ่งเฉย ไม่สนใจไยดี ตรงข้ามกับวันนี้ “ณัฐวุฒิ” กระโจนสู่แถวหน้าไล่ประยุทธ์อย่างมั่นอกมั่นใจ
น่าสังเกตว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” ขยับตัวแรง ส่งสัญญาณให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถอยออกไป ให้กลับไปพักผ่อนเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน
ถัดจากวันเกิดปีที่ 72 ของทักษิณ ชินวัตร ณัฐวุฒิก็ประกาศ “ไล่ประยุทธ์” ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว และสื่อในเครือข่ายอย่าง UDDnews เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2564 ว่า “หลังคาร์ม็อบ จะประสานพลังกำหนดแนวต่อสู้ วัน ว. เวลา น. ผมไม่ใช่ผู้นำแต่เป็นคนทำงาน ในนามเครือข่ายไล่ประยุทธ์”
น่าจับตาว่า ณัฐวุฒิจะเคลื่อนขบวน นปช.ออกสู่ท้องถนน หรือจะตั้งองค์กรใหม่ คล้าย “ตู่ จตุพร” ตั้ง “กลุ่มไทยไม่ทน”
ว่ากันตามจริง ณัฐวุฒิยังมีภาพเป็น “พระเอก” ของคนเสื้อแดง และเขายังซื้อใจเยาวชนคนรุ่นใหม่ ด้วยการสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มราษฎร และกลุ่มอื่นๆ คาดว่า “เต้น” คงไม่ไปจับมือกับ “กลุ่มไทยไม่ทน” ของ “ตู่” เพราะเต้นยังอยู่ในสายตาของ “คนแดนไกล” ผิดจากตู่ที่ถูกเขี่ยให้พ้น “วงในชินวัตร” ไปแล้ว
ที่น่าสนใจยิ่ง คือ เครือข่ายไล่ประยุทธ์ อาจจะเป็นการรีเทิร์นของกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดอีกครั้งหนึ่ง และเป็นไปได้ว่า “เต้น”ณัฐวุฒิ อาจจับมือ “บก.ลายจุด” สมบัติ งามบุญอนงค์ เพราะเคยเคลื่อนไหวร่วมกันมาแต่สมัยแดงทั้งแผ่นดิน
ปลายปี 2563 มีกระแสเรียกร้องจากคนเสื้อแดงบางกลุ่ม ขอให้เปลี่ยนตัวประธาน นปช. เนื่องจาก “ตู่” จตุพร มีทัศนะที่เป็นลบต่อกลุ่มราษฎร กลุ่มเยาวชนปลดแอก และไปหาเสียงนายก อบจ.เชียงใหม่ ช่วยบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ แข่งกับคนของพรรคเพื่อไทย
ธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช. ซึ่งในปัจจุบัน คุมสื่อออนไลน์ “ยูดีดีนิวส์” ได้สำรวจความเห็นคนเสื้อแดงทั่วประเทศ เกี่ยวกับอนาคตองค์กร นปช. ปรากฏว่า ร้อยละ 95.5 ไม่ให้ยุบ นปช. และร้อยละ 89.1 ควรเปลี่ยนแกนนำ นปช.
เมื่อ “ตู่” จตุพร ได้ข่าว จึงส่งเสียงโวยวายว่า ทำโพลล์เพื่ออะไร และร่ายยาวเหมือนทวงบุญคุณ “ธิดา” ลุกมาแจกแจงว่า เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลที่สมาชิก นปช. ที่ได้แสดงความคิดเห็นต่อ นปช. เท่านั้น
มาถึงจุดนี้ ท่าทีของบรรดาแกนนำ แม้จะยังไม่กล้าแตกหักกัน แต่ทั้งสองฝ่ายก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า การตั้งองค์กรใหม่ ของบรรดาแกนนำที่แยกทางกันเดิน ย่อมหมายถึงการปล่อยให้ นปช.กลายเป็น “ตำนาน” และเริ่มการต่อสู้ในประวัติศาสตร์หน้าใหม่