ตร. แจงใช้ปืนจ่อหัว 'ม็อบ' แค่เตือนตามหลักสากล ปัดใช้กระสุนจริง
รองผบช.น.แจงภาพว่อนโซเชียล ตร.ใช้ปืนจ่อหัวผู้ชุมนุม ระบุทำตามมาตรฐานสากล เตือนให้ออกนอกพื้นที่ ปัดใช้กระสุนจริง
จากเหตุการณ์ชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดการปะทะระหว่างตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน และกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ยอมเดินทางกลับบ้านหลังประกาศยุติการชุมนุม จนทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงค่ำซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บและมีการควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมไปเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด 2 ส.ค.2564 พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บชน. เปิดเผยว่า เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมผู้ชุมนุมได้จากที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียง รวมถึงในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี 10 คน และเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมชุมนุมได้อีก 1 คนในบริเวณพื้นที่การชุมนุมเนื่องจากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพรก.ฉุกเฉิน
โดยนำตัวผู้ต้องหาทุกคนไปควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี และที่ห้องควบคุมผู้ต้องหากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมตัวได้ หากการสอบสวนเสร็จสิ้นภายในวันนี้จะมีการฝากขังผ่านระบบ video conference กับศาลทันทีแต่หากไม่ทันก็จะเลื่อนออกไปเป็นวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บโรคติดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกหลายข้อหาซึ่งแตกต่างกันออกไปตามแล้วแต่กรณี
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อวานนี้มีจำนวน 13 นาย ส่วนใหญ่เป็นการบาดเจ็บจากการถูกขว้างปาสิ่งของของประทัดจากกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงการปะทะระหว่างการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ ทั้งนี้ยืนยันว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามขั้นตอนและยุทธวิธีในระดับสากลซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งจากภาพคลิปวีดีโอและภาพนิ่งตำรวจมีหลักฐานยืนยันด้วยว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการยั่วยุทำลายทรัพย์สินของราชการและลุกลามเข้ามาในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอน
ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ารูปแบบของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มหรือที่เรียกว่าแม่น้ำหลายสาย ประกอบด้วยกลุ่มผู้ชุมนุมจากจังหวัดนนทบุรี นครปฐม กรุงเทพฯเขตมีนบุรี และจุดอื่นๆทั่วกรุงเทพฯ ที่จะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่การชุมนุมที่นัดหมายไว้ ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมถือว่ามีความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลและจะติดตามดำเนินคดีออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลังซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
ส่วนกรณีที่มีภาพของเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชนใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อศีรษะผู้ชุมนุมที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์บนถนนวิภาวดีรังสิต ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นรูปแบบทางยุทธวิธีที่เรียกว่า cover and contact ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ต่างประเทศใช้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการตักเตือนผู้ชุมนุมให้กลับเคหะสถาน ซึ่งลักษณะก็ต้องปฏิบัติไปตามยุทธวิธี คือระหว่างที่มีเจ้าหน้าที่ไปเจรจา พูดคุยก็ต้องมีอีกคนคอยคุมกันอยู่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวกลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกจากพื้นที่ และเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ชุมนุมบางคนอาจเป็นภัยคุกคามหรืออาจเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ได้
สำหรับอาวุธปืนที่ใช้กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการติดสติ๊กเกอร์เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นชัดเจนว่ากระสุนที่ใช้เป็นกระสุนยาง อีกทั้งเหตุการณ์ในภาพดังกล่าวไม่ได้มีการยิงผู้ชุมนุมที่ปรากฏในภาพ แต่ได้ทำการตักเตือนและไล่ให้ออกนอกพื้นที่ ทั้งนี้มองว่าลักษณะที่เกิดขึ้นในภาพไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะสถานการณ์ในขณะนั้นค่อนข้างเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุม
กรณีที่ผู้ชุมนุมอ้างว่ามีการใช้กระสุนจริง ก็ยืนยันได้ว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาลได้กำชับและตรวจสอบห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์นำอาวุธชนิดอื่นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลกำหนดเข้าไปใช้ในการปฏิบัติงานเด็ดขาด นอกจากแก๊สน้ำตา อาวุธปืนลูกซองกระสุนยาง ปืนยิงตะข่ายควบคุมตัว และโล่กระบอง ส่วนการควบคุมการชุมนุมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ระหว่างการหารือเพื่อหาแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกส่วนจะใช้รูปแบบและยุทธวิธีใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้เพราะอยู่ระหว่างการหารือกันของแต่ละฝ่าย
“ ทั้งนี้ต้องขอเตือนผู้ชุมนุมว่า ขณะนี้ประเทศบอบช้ำมากพอแล้วอย่าได้ซ้ำเติมอีกเลย อย่างกรณีเมื่อวานนี้ที่ผู้ชุมนุมมีการปิดถนนวิภาวดี ซึ่งบนถนนเส้นดังกล่าวมีโรงพยาบาลหลายแห่งทำให้รถพยาบาล และรถของบุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจได้สะดวก จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลาในการเคลียร์พื้นที่ ส่วนการดำเนินคดีสำหรับผู้ชุมนุมที่เดินทางมาร่วมชุมนุมและถูกดำเนินคดีในหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ ศาลสามารถที่จะเพิ่มโทษได้ในแต่ละครั้งแต่ละฐานความผิด ด้วยเช่นกัน”