เดินเกมส่ง“ปลัดเก่ง”คุมมท. โจทย์ใหญ่รักษาอำนาจ “3 ป.”
ขุมกำลังภายในกระทรวงมหาดไทย จึงต้องประสานงานกันอย่างลงตัว เพราะหาก “ปลัดคนดัง” ต้องลงสนามการเมือง ฐานเสียง-ฐานพื้นที่-ฐานคอนเนคชัน ของกระทรวงมหาดไทย จะถูกใช้เป็นเครื่องมือเคลื่อนกำลัง-เคลื่อนพล เพื่อรักษาอำนาจของ “3 ป.” เอาไว้
ในที่สุด “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ก็ได้ขึ้นแท่น “ปลัดคนดัง” รับไม้ต่อจาก ปลัดฉิ่ง "ฉัตรชัย พรหมเลิศ" ที่ต้องเกษียณในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย สิ้นเดือน ก.ย.64 นี้
จากนี้ไป “ปลัดคนดัง” ทั้งสองก็ยังอยู่ในโฟกัสการเมือง อย่างไม่คลาดสายตา เพราะระยะเวลาปีเศษที่เหลือของวาระรัฐบาล คือการเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ เพราะปลัดมหาดไทย เป็นตำแหน่งที่ถูกจับจ้องว่าเป็นการวางตัวบิ๊กข้าราชการเป็นกลไกให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อความได้เปรียบในสนามการเมือง
ขณะที่ “ปลัดฉิ่ง” ที่แม้จะพ้นเก้าอี้ไป ก็ถูกจับจ้องถึงบทบาทการเมือง โดยเฉพาะการทำพรรคสาขา ตามยุทธศาสตร์พรรคคู่ขนานกับพลังประชารัฐ
สำหรับ “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ที่เรียกได้ว่า มีทั้งฝีมือและคอนเนคชั่นการเมืองไม่ธรรมดา กว่าชื่อนี้จะผ่านเข้าสู่วาระ ครม.ได้ ฝุ่นในกระทรวงมหาดไทยก็ตลบหลายระลอก
เนื่องจากเก้าอี้นี้มีแคนดิเดตถึง 4 คน แต่ 2 ใน 4 “นิสิต จันทร์สมวงศ์” อธิบดีกรมที่ดิน และ“ธนาคม จงจิระ” อธิบดีกรมการปกครอง มีอันต้องตกไป เพราะข้อจำกัดเรื่องอายุราชการที่เหลือแค่ 1 ปี ซึ่งมีผลต่อการบริหารราชการไม่ต่อเนื่อง แม้ว่าราย “นิสิต” ที่อาวุโสสูงสุดและเหมาะสมทุกด้าน จน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 เสียดาย
ขณะที่อีกรายลูกหม้อเก่า “ปลัดตุ๋ม" จตุพร บุรุษพัฒน์” ที่ย้ายไปเติบโตในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ในปัจจุบัน ถูกเสนอชื่อข้ามห้วยกลับมา ก็เจอทั้งแรงต้านจากมหาดไทย และแรงดึงจากเจ้ากระทรวง ทส.
ความได้เปรียบของ “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ คืออายุราชการมีเวลานานถึง 3 ปี ซึ่งจะเกษียณในปี 2567 เจ้าตัวผ่านตำแหน่งอธิบดีมาแล้ว 2 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนปัจจุบัน เคยเป็นรองปลัดมหาดไทย ผู้ว่าฯ หลายจังหวัด
ที่น่าสนใจคือคอนเนคชั่นการเมืองที่เรียกได้ว่า “อยู่เป็น” เข้าถึงผู้มีอำนาจและบารมีทางการเมืองได้ทุกสาย สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ นครนายก ปี 2552 ก็ได้แรงสนับสนุนจากค่ายภูมิใจไทย
ถัดมาอีก 2 ปี 2554 ก็เข้าถึงวงในพรรคเพื่อไทย จนได้ขยับขึ้นเป็นผู้ว่าฯ นครนายก ซึ่งถูกกล่าวขานกันว่า “สายตรงเจ๊แดง” เพราะในปีนั้น ที่มีการเลือกตั้ง เมื่อ "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลงไปหาเสียงนครนายก “ผู้ว่าฯ เก่ง” ก็เกาะติด ต่อมาจึงโยกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ สระบุรี ในห้วงเวลานั้นถือได้ว่า "ผู้ว่าฯ เก่ง" ทำงานสนองเชิงนโยบายอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 3 ปีต่อมา 2557 คสช.เด้งผู้ว่าฯ เก่งเข้ากรุ แต่ปีถัดมา 2558 ก็ได้ออกไปเป็นผู้ว่าฯ ชัยนาท และเพียงปีเดียว 2559 ก็กลับเข้ามหาดไทยขึ้นเป็นรองปลัด และเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนตามลำดับ
ความไม่ธรรมดาของว่าที่ปลัดเก่ง นอกจากความมีฝีมือสมชื่อแล้ว ยังได้เปรียบคือคอนเนคชั่นและแรงสนับสนุนของหลังบ้าน “วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” ภรรยา เจ้าของธุรกิจด้านพลังงานหมื่นล้าน
โดย “วันดี” ถือว่าเป็นนักธุรกิจด้านพลังงานทดแทนรายใหญ่ของประเทศไทย ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 1 ในบริษัท เอสพีซีจี จำกัด(มหาชน) (SPCG) มูลค่ารวม 5,351,205,000 บาท ธุรกิจของกลุ่มเอสพีซีจี ประกอบด้วย 1. โซล่าร์ฟาร์ม 36 แห่งๆ ละ 5-6 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวม 205.9 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ PEA 5 ปี ต่ออายุอัติโนมัติครั้งละ 5 ปี โดยเอสพีซีจีถือหุ้นในโครงการ 56-100%
นอกจากนี้ ยังจัดตั้งบริษัท เซท เอนเนอยี จำกัด (SET Energy) เพื่อทำธุรกิจโซล่าร์ฟาร์มขนาดใหญ่ 500 เมกะวัตต์ขึ้นไปในเขตพื้นที่อีอีซี (EEC) โดยเป็นโครงการของอีอีซีที่มอบสิทธิให้ กฟภ.เป็นผู้พัฒนาโครงการ และ กฟภ.ได้มอบสิทธิต่อให้บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) และพีอีเอ เอ็นคอมได้จ้าง เซท เอนเนอยี มารับงานแทนแบบเฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้บริษัท เซท เอนเนอยี ถือหุ้นโดยเอสพีซีจี 80% และ พีอีเอ เอ็นคอม 20% ซึ่งพีอีเอ เอ็นคอม เป็นรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นโดย กฟภ.100%
ดังนั้นคอนเนคชันธุรกิจของ “วันดี” ซึ่งเชื่อมโยงกับบิ๊กธุรกิจด้านพลังงานรายอื่นอย่างกว้างขวาง จึงไม่น่าแปลกใจที่นักสังเกตการณ์การเมืองพากันมองว่า หลังบ้านอาจเป็นทั้งแรงหลัก-แรงเสริมให้สามี “สุทธิพงษ์” ได้นั่งเก้าอี้ปลัดมหาดไทยที่หลายคนหมายปอง
ทว่า การมาของ “สุทธิพงษ์” กำลังถูกจับตาว่า อาจส่งผลให้ “ปลัดฉิ่ง" คนดังอีกราย ถอดใจล้มแผนสร้างพรรคการเมืองต่อยอดอำนาจของ “3 ป.” หรือไม่ แม้ว่าปลัดเก่ง “สุทธิพงษ์” จะเป็นน้องเลิฟ “สิงห์ดำ” ของปลัดฉิ่ง ที่มิตรภาพแนบแน่นไม่น้อยไปกว่า “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัด ทส. ตัวเต็งปลัดมหาดไทยที่ตีคู่มาด้วยกัน
ว่ากันว่า ปลัดเก่ง “สุทธิพงษ์” ที่มีอายุราชการอีก 3 ปี ขณะที่ ปลัดตุ๋ม “จตุพร” ยังมีอายุราชการ 4 ปี หาก “3 ป.” ยังอยู่ในอำนาจ ชื่อของ “จตุพร” ก็ยังอยู่ในคิวตัวเต็งปลัดมหาดไทยอีกครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องรอ 3 ปีจนกว่าปลัดสุทธิพงษ์เกษียณ หรืออาจรอ 2 ปีหากสุทธิพงษ์หลีกทางให้
ขณะเดียวกัน ก้าวย่างทางการเมืองของ “ปลัดคนดัง” หลังเกษียณ นักเลือกตั้งในค่ายพลังประชารัฐ อ่านเกมว่ายังคงต้องอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับ “3 ป.” เพื่อเดินสายรักษาคอนเนคชันกับ “กลุ่มการเมือง” และวางฐานเสียงเอาไว้สำหรับพรรคการเมือง เนื่องจาก “3 ป.” อ่านเกมยาวว่าแบรนด์ “พลังประชารัฐ” อาจไม่ตอบโจทย์ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
ฉะนั้น ขุมกำลังภายในกระทรวงมหาดไทย จึงต้องประสานงานกันอย่างลงตัว เพราะหาก “ปลัดคนดัง” ต้องลงสนามการเมือง ฐานเสียง-ฐานพื้นที่-ฐานคอนเนคชัน ของกระทรวงมหาดไทย จะถูกใช้เป็นเครื่องมือเคลื่อนกำลัง-เคลื่อนพล เพื่อรักษาอำนาจของ “3 ป.” เอาไว้