ผบ.ตร. ระดม ตร.ทั่วประเทศเข้ากรุง รับ 'ม็อบ 7 ส.ค.' ขู่เอาผิดคนจาบจ้างสถาบัน
ผบ.ตร. ถก รับมือม็อบ 7 ส.ค. พร้อมระดมกำลังตำรวจต่างจังหวัดเข้ากรุง เผยตัวเลขยอดชุมนุม 2,233 ครั้ง ดำเนินคดี 524 คดี เตือน คนจาบจ้วงสถาบัน -ทำผิดกฎหมาย ดำเนินคดีย้อนหลัง ครบทุกคน
5 ส.ค.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ดูแลความมั่นคง พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ปฏิบัติราชการบช.น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดบช.ก. บช.ส. บช.สอท. ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในการดูแลการชุมนุมของกลุ่มเคลื่อนไหวทาง การเมืองในวันที่ 7 ส.ค.ตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
โดยมีกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free Youth นัดหมายเริ่มเวลา 13.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปพระบรมหาราชวัง 2.กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม นัดหมายยังไม่ทราบเวลา ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จัดกิจกรรมในลักษณะ CarMob 2 ล้อ เคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า การประชุมดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยมี บช.น. เป็นหลักและมีฝ่ายสนับสนุน ที่อาจจะมีความจำเป็นที่ต้องใช้กำลังจากตำรวจต่างจังหวัดเข้าค่อนข้างมาก โดยตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค. 63 ที่ผ่านมา มีการชุมนุมในประเทศจนถึงปัจจุบัน 2,233 ครั้ง มีคดีที่เกี่ยวกับเฉพาะการชุมนุม 524 คดี
กรณีดังกล่าวเป็นภาระที่บั่นทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจไม่เคยบ่น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำ และเป็นภาระของประเทศชาติในสภาวะที่บ้านเมืองยากลำบาก ประชาชนยากลำบากเรื่องของการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 อยากจะฝากว่าจะกระทำการอะไรอย่าได้ซ้ำเติมความเดือดร้อนความเสียหายสุดท้ายก็เกิดขึ้นกับประเทศชาติ สังคมโดยส่วนรวม ขอให้คิดให้ดี
"คนที่กระทำผิดซ้ำคดีทุกเรื่อง ตำรวจก็ค้องดำเนินคดีทุกเรื่องไม่เคยปล่อยปละละเลย เมื่อถึงวันนึง แม้ว่าการดำเนินคดีจะช้าบ้างเลวบ้าง ทุกคดีต้องมีผลลัพธ์ออกมา ขอให้ตระหนักถึงสิ่งที่ท่านทำมีผลกระทบอะไรบ้าง กรณีการชุมนุมที่จะถึงดังกล่าวก็มีการกล่าวพาดพิง มีการกล่าวถึงของประชาชนจำนวนมาก รู้สึกว่าถูเหยียดหยาม ทำร้ายจิตใจ ทำลายความรู้สึกพูดพาดพิงถึงสถาบันซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวของคนในสังคม คนที่ทำไม่ว่าจะทำด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ก็ควรจะคิดว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สิ่งที่จะตามมาต้องรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่มีตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย หลายครั้งที่ผ่านคนทำซ้ำก็ทำอยู่อย่างนั้น คนใช้ความรุนแรงก็ซ้ำๆ เราได้ใช้กฎหมายจริงๆ ไม่มีอะไรนอกเหนือกว่านั้น และทำจนกว่าจะถึงที่สุด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามกระบวนการ ทุกครั้งหลายครั้ง หลังการปฏิบัติก็มีการกระทบกระทั่งความสูญเสียเกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด เมื่อกระทบกระทั่งแล้วยากที่จะควบคุม ใครคิดจะทำใครตั้งต้องรับผิดชอบ ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นผู้รักษากติกาของคนในสังคม ประชาชนประเทศชาติยากลำบากอยู่แล้วขอให้ทบทวนใหม่ไม่ว่าเหตุใดก็แล้วแต่ ใครที่กลับใจเปลี่ยนใจได้ตนก็ขอบคุณ" ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามว่า การชุมนุมดังกล่าวจะมีความรุนแรงมากน้อยอย่างไรนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่ผ่านมา การชุมนุมมีการใช้แาวุธ บางครั้งหลังจากเลิกการชุมนุมแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนนึง แตกตัวเป็นกลุ่มย่อย เล็กบ้างใหญ่บ้างกระจัดกระจายไป ไปสร้างความเสียหายกับที่ต่างๆ ทำร้ายเจ้าหน้าที่บ้าง เผาทรัพย์สินบ้าง ลักษณะเหมือนคึกคะนอง เรื่องดังกล่าวตำรวจจะพยายามประบยุทธวิธีจัดการให้ได้ โดยเฉพาะกรณีที่จะไปทำลายสมบัติของแผ่นดิน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
ส่วนมาตรการดำเนินการนั้น เรามีแต่ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของยุทธวิธี แต่ก็ปรับไปโดยเอาบทเรียนเก่ามาศึกษา รวมถึงการยั่วยุก็มีการสั่งกำชับการปฏิบัติอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องตรวจสอบว่ามีการมาลักษณะรูปแบบใดปรับเปลี่ยนไปตามหน้างาน ส่วนของแกนนำที่ทีคดีติดตัวนั้น กรณีที่มีการดำเนินคดี 500 กว่าเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนืฝินคดีทุกเรื่อง คดีมีค้างอยู่เป็นจำนวนมากทั้งในชั้นศาล ทั้งชั้นอัยการ ทั้งที่เกิดขึ้นใหม่ ทางเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการให้เสร็จสิ้น ใครออกหมายจับได้ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับเพื่อดำเนินการจับกุมตัว บางรายพยานหลักฐานไม่เพียงพอก็พยายามรวบรวม
สำหรับกรณีแกนนำที่มีการออกมาชุมนุมมีคดีติดตัวจะดำเนินการจับกุมหรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวต้อวตัดสินใจกันหน้างาน ส่วนกรณีการพื้นที่คงามปลอดภัยในการทำงานของผู้สื่อข่าวนั้น อยากให้ผู้สื่อประสานกับผู้คุมกำลังบริเวณที่ไป โดยต้องมีการแจ้ง ตนจะจัดเจ้าหน้าที่ทีมโฆษกเป็นผู้ประสานงาน เนื่องจากไปเองผู้คุมกำลังก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร ทั้งนี้เพื่อให้อยู่ในพื้นที่ที่สบายใจซึ่งกันและกัน ผู้สื่อข่าวทำหน้าที่ได้ในระดับหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำหน้าที่ในระดับหนึ่ง และควรกลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต่อไป