เชิด ‘จาตุรนต์’ หลังฉาก ‘เต้น-เพ้ง’ ‘เส้นทางใหม่’ ชิงฐาน ‘ก้าวไกล’

หลังก่อร้างสร้างฐาน ดีลคน-ดีลทุน มาพักใหญ่ ถึงเวลาที่ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตขุนพลข้างกาย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดตัวพรรคการเมืองน้องใหม่

 

แม้ “จาตุรนต์” ยังอุบไต๋ชื่อพรรค แต่คอการเมืองรู้กันดีว่า มือไม้ของ “จาตุรนต์” เคลื่อนไหวจดตั้งพรรคเส้นทางใหม่ รอไว้เป็นปีแล้ว ว่ากันว่า เริ่มขยับตัวกันตั้งแต่ “ม็อบราษฎร” เคลื่อนไหวกดดัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม อย่างหนัก ในช่วงกลางปี 2563

 

โดยในช่วงต้นปี 2564 “เสี่ยเอ” เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แจ้งข่าวการจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ “พรรคเส้นทางใหม่” ซึ่งรู้กันดีว่า “เศกสิทธิ์” มีลูกพี่ชื่อ “จาตุรนต์” โดยทั้งคู่สนิทสนมกันตั้งแต่สมัยพรรคความหวังใหม่ ก่อนจะมาอยู่พรรคไทยรักไทยด้วยกัน

 

“จาตุรนต์” รอประเมินทิศทางม็อบ ประเมินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองทุกเหลี่ยมทุกมุม ก่อนจะเปิดตัวกับพรรคใหม่ โดยมองว่าเวลาอันใกล้นี้ คือนาทีทองที่จะเปิด "พรรคเส้นทางใหม่"

 

“จาตุรนต์” หวังรวบรวมขุนพลที่ อกหัก-ถูกทิ้ง จากพรรคเพื่อไทย (พท.) มารวมตัวกันเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยพุ่งเป้าไปที่อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) บางส่วนหลังจาก ทษช.ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค แต่กลับลอยเคว้ง ไม่สามารถกลับไปปักหลักที่พรรคพท.ได้

เนื่องจาก “อดีตทษช.” สาย นชป.-สายคนเสื้อแดง ที่กระจัดกระจายแยกตัวกันตามหนทางของแต่ละคน โดยเฉพาะ “จาตุรนต์” ที่ไม่เคยกลับเข้าไปเหยียบพรรค พท.อีกเลย ชอตแรกโดนกันท่าจาก “หญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค

 

ชอตสองโดนกันจากอดีตเพื่อนคนเดือนตุลา อาทิ ภูมิธรรม เวชยชัย นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ทำให้ชื่อของ “จาตุรนต์” อดีตคนเดือนตุลา หายไปจากสารบบของคนชื่อ “ทักษิณ”

 

เมื่อกลางปี 2562 ในงานวันเกิดของ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กลางเดือน พ.ค.2562 มีแกนนำ นปช. และอดีตแกนนำทษช. มาร่วมงานพร้อมหน้า “จาตุรนต์” ได้ร่วมพูดคุยกับอดีตแกนนำ ทษช. เรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่

 

ถัดมาวันที่ 7 มิ.ย.2563 มีรายงานข่าวว่า “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ร่วมกับ “จาตุรนต์” เตรียมจัดตั้ง “พรรควิสัยทัศน์ใหม่” แต่ก็ถูกปฏิเสธข่าวจาก “จาตุรนต์” เอง

 

ในข้อมูลของ กกต. พรรคเส้นทางใหม่ (สทม.) หรือชื่อภาษาอังกฤษ NEW DIRECTION PARTY (NEWDP) มีที่ทำการพรรคอยู่ที่ 3/1-3/2 ถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ ม.13 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช อันเป็นบ้านเกิดของ “ณัฐวุฒิ”

 

มีกระแสข่าวระบุว่า “ณัฐวุฒิ” ได้พูดคุยกับ “จาตุรนต์” มาตั้งแต่ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เรื่องการตั้งใหม่ให้เป็นพรรคทางเลือกของคนรุ่นใหม่ พรรคนี้ไม่ใช่สาขาพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคเสื้อแดง แต่จะวาง Positioning แบบเดียวกับพรรคก้าวไกล

 

เบื้องต้นพรรคเส้นทางใหม่ จะมีผู้ก่อการประกอบด้วย จาตุรนต์ ฉายแสง, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, ก่อแก้ว พิกุลทอง, นพ.เหวง โตจิราการ, นิคม ไวยรัชพานิช ,วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ,ประภัสร์ จงสงวน, เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์, ฐิติมา ฉายแสง และวุฒิพงษ์ ฉายแสง

ทว่าโดยเนื้อแท้แล้วทั้ง “จาตุรนต์-ณัฐวุฒิ” ไม่ใช่ประเภทสายเปย์ที่จะยอมควัก “ทุน” ของตัวเอง เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการตั้งพรรคการเมือง จึงมีการดีลให้ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล สายตรง “ทักษิณ” ให้มาร่วมด้วยช่วยดัน

 

ชื่อของ “พงษ์ศักดิ์” หากกดปุ่มเดินเกมทางการเมืองแล้ว แม้จะไม่ใช่นักทุ่มทุนตัวเอง แต่สามารถต่อคอนเนคชันกับเครือข่ายทางการเมือง ให้บรรดามิตรสหายช่วยออกแรง-ควักทุนได้ โดยมีลูกน้องคนสนิท “วิม รุ่งวัฒนจินดา” คอยขันอาสาเดินงานให้

 

สายสัมพันธ์ของ “พงษ์ศักดิ์” กับ “ณัฐวุฒิ-แกนนำนปช.” ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล อยู่ในสถานะน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ากันมาตลอด แถมยังจัดอยู่ในจำพวกกลับพรรคพท.ไม่ได้ จึงไม่แปลกที่จะมารวมตัวกันที่ป้าย “เส้นทางใหม่” เพื่อขับเคลื่อนทางการเมือง

 

ดังนั้นการเปิดตัวของ “ณัฐวุฒิ” กับคาร์ม็อบ ลงถนนในนามเครือข่ายไล่ประยุทธ์ แม้จะอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ” จังหวะเปิดตัวพรรคเส้นทางใหม่ของ “จาตุรนต์” ที่พยายามสร้างภาพตัดขาดพรรคเพื่อไทย-ตัดขาดกับ “ทักษิณ” แต่ในทางการเมืองแล้วแทบตัดขาดกันไม่ได้

 

เพียงแต่เครือข่ายของ พรรคเส้นทางใหม่ จำเป็นต้องจัดฉากเดินกันคนละข้างกับพรรคเพื่อไทย ที่ถูกมองว่าเป็นพรรคสายตรงของ “ทักษิณ” เพื่อเก็บแต้ม-ชิงแต้ม จากฐานเสียงที่ไม่ได้นิยม “ทักษิณ” พุ่งเป้าไปที่ “นิวโหวตเตอร์” ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นมาก แถมคนรุ่นใหม่ยังตื่นรู้ทางการเมืองมากยิ่งขึ้นด้วย

 

ภารกิจของ “จาตุรนต์-ณัฐวุฒิ-พงษ์ศักดิ์” จึงต้องการสร้างพรรคเส้นทางใหม่ เพื่อยืนบนลำแข้งตัวเอง แต่ก็ยังเคารพนับถือ “ทักษิณ” เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยน