'ธรรมนัส'โผล่'อยุธยา'ปลูก'ฟ้าทะลายโจร' ท่ามกลางการจับตาฮึดทวง 'มท.1'

"ธรรมนัส" เปิดงาน “Kick Off ฟ้าทะลายโจร 1 ล้านต้น สู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ อยุธยา ท่ามกลาง การจับตา ทวงเก้าอี้ "มท.1" คืน พปชร. ขณะที่ "ประยุทธ์" ยืนยัน ไม่คิด "ปรับครม.-ยุบสภา"
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานเปิดงาน “Kick Off ฟ้าทะลายโจร 1 ล้านต้น สู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน” ณ ศูนย์ส่งเสริม และขยายพันธุ์พืชในเขตปฏิรูปที่ดิน ตำบลพระยาบันลือ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจรที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สอดรับกับนโยบายรัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ให้ความสำคัญในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกระดับและทุกมิติ ที่เผชิญกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศไทยในขณะนี้ ทั้งนี้การนำพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร มาเป็นทางเลือกประโยชน์ในการรักษาโรค รวมถึงสนับสนุนให้มีการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ให้กับเกษตรกร เพื่อให้แนวนโยบายดังกล่าวสามารถดำเนินการ ได้สำเร็จตามเป้าหมาย จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและ พืชสมุนไพรอื่น และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามที่ได้กำหนดไว้วัตถุประสงค์มุ่งเน้นการพัฒนา สมุนไพรไทยทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านสุขภาพและความยั่งยืนทางด้านเศรษฐกิจ
สำหรับการจัดงาน "Kick Off ฟ้าทะลายโจร 1 ล้านต้น สู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน” ในวันนี้นับว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่มีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินที่จะได้รับต้นฟ้าทะลายโจรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ท่ามกลางการระบาด ของโรคโควิด-19 และเป็นการเตรียมการของเกษตรกรและเครือข่ายเพื่อยกระดับการพัฒนาฟ้าทะลายโจรสู่ ภาคอุตสาหกรรมต่อไป ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะกลไกของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเครือข่ายเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวย้ำว่า การขับเคลื่อนปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ถือ เป็นภาระสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรึ ได้มีมติขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ ด้วยการตั้งคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมทั้งมีรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายให้รณรงค์ปลูกพืชสมุนไพร ซึ่งประเทศไทยมีหลายชนิด ขณะที่การแพทย์แผนไทยอยู่กับคนไทยมายาวนาน และภาคการเกษตรเป็นอาชีพที่มีความสำคัญของคนไทย วันนี้เราอย่ามองแค่การผลิต เราต้องมองตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ต้องผลันไปสู่ภาคอุตสาหกรรมการแปรรูปพืชสมุนไพร โดยตนได้คุยกับหลายประเทศ รองรับตลาดไว้แล้ว
"วันนี้บ้านเมืองเกิดวิกฤติโรคระบาด ซึ่งไมรู้อีกนานแค่ไหน เราต้องปลุกกระแสคนไทยเอาของดีที่มีอยู่เข้ามาเป็นทางเลือกในการรักษาลักษณะของแพทย์แผนไทย ผมได้ให้นโยบายไว้ เรื่องนี้ขอให้ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม แบบบูรณาการิซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความพร้อมทุกอย่าง หากขับเคลื่อนบูรณาการไปพร้อมกัน ก็จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้รอดพ้นวิกฤตไปได้" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า นโยบายการปลูกพืชสมุนไพรขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี 2562 ในหลายพื้นที่จังหวัดที่มีเขตปฏิรูปที่ดิน แต่ยังไม่เป็นนโยบายของภาครัฐ ทั้งนี้เมื่อมีมติคณะรัฐมนตรี ขับเคลื่อนสมุนไพรขึ้นมา ถือเป็น ความหวังใหม่ให้เกษตรกรไทยยกระดับคุณภาพขีวิตสร้างรายเพิ่มขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนไหวของร.อ.ธรรมนัส เป็นที่น่าจับตาอย่างมาก ภายหลังจากมีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า ในการประชุมแกนนำและส.ส.ของพรรค ร่วมกับพล.อ.ประวิตร เมื่อ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ได้เปิดใจสะท้อนปัญหาในพรรคว่า ได้รับความคิดเห็นจากส.ส.หลายคน ที่ไม่พอใจถึงการทำงานของรัฐมนตรี โดยเฉพาะพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ลอยตัวไม่เห็นส.ส.ในสายตา จึงเห็นว่าควรปรับเปลี่ยนโดยดึงโควตากระทรวงมหาดไทย ให้กลับมาเป็นของพรรค เพราะไม่ตอบสนองต่อสังคม และไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ส่วนโควตากลางเช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน ถ้ารัฐมนตรีคนใดยังทำงานได้และตอบสนองต่อประชาชน เราจะไม่เข้าไปยุ่ง
นอกจากนั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันประชุมดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัส ได้ระบุอีกว่า วันนี้รัฐมนตรีของพรรคทุกคนมีผลงานอะไรบ้าง ที่จะไปใช้หาเสียงกับประชาชนว่าเป็นผลงานของพรรคพปชร. มองไปแล้วไม่มีเลย สำหรับตนเป็นรัฐมนตรี เหมือนไม่ได้เป็น ไม่มีงบฯ ไม่มีอะไรเลย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้า ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ได้เดินทางเข้าสภา ซึ่งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นวันที่2 โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าระบุชัดเจนว่า "ผมขอยืนยันตรงนี้ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนนี้ และผมยังไม่มีการยุบสภาในตอนนี้ยังไม่มีอยู่ในหัวสมองผม"