อุกอาจ รัวยิงเสี่ยเจ้าของโรงแรมคาเบนซ์หรู เคราะห์ดีรอดหวุดหวิด ตร.พุ่ง 2 ปม
อุกอาจ! คนร้ายตามประกบยิงเสี่ยเจ้าของโรงแรมคารถเบนซ์หรู 6 นัด แข็งใจขับรถไปถึง รพ.รอดหวุดหวิด ตำรวจพุ่ง 2 ปม
วันนี้(16 กันยายน 2565) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.พีรกุล แฝงฤทธิ์หลง สว.สอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลราชธานี ว่ามีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บขณะขับขี่รถเบนซ์หรูอยู่บนถนนสายเอเชียขาขึ้น ช่วงผ่านสะพานกลับรถหน้าห้างบิ๊กซี หลักกิโลเมตรที่ 15 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน และผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขับรถยนต์มาที่โรงพยาบาล
จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลราชธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พบรถเบนซ์ รุ่น C350e สีเทา หมายเลขทะเบียน 1 ขค 3737 กรุงเทพมหานคร มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณไฟหน้าด้านขวา 1 นัด แก้มขวา 1 นัด กระจกข้างคนขับ 2 นัด ประตูข้าง 2 นัด โดยรถเบนซ์หรูจอดอยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
ส่วนผู้ขับขี่รถเบนซ์ที่ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อคือ นายตรีภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ชาว อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และร้านอาหารในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี มีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณคอ คาง และแขน รวม 3 นัด ผู้บาดเจ็บอยู่ในอาการปลอดภัย
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บเพิ่งจะเดินทางกลับจากศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในคดีที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคดีฉ้อโกง ขณะที่กำลังขับขี่รถเบนซ์เพื่อมาที่สำนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาตามถนนสายเอเชีย ขาออก เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุกำลังจะเบี่ยงเข้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีเพื่อแวะรับประทานอาหาร จังหวะนั้นก็มีรถเก๋งขับแซงขึ้นมาด้านขวา และคนร้ายที่นั่งมาด้านข้างคนขับก็ได้ลดกระจกลงแล้วชักอาวุธปืนออกมาจ่อยิงหลายนัดและรีบหลบหนีไป หลังจากถูกยิงผู้บาดเจ็บได้พยายามขับรถพาตัวเองมาที่โรงพยาบาลราชธานีดังกล่าว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บและเร่งตรวจสอบจุดที่มีการก่อเหตุเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่ารถของคนร้ายเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ แต่ยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน
ต่อมา นายตรีภพ (ผู้บาดเจ็บ) เปิดเผยว่า ตนทำธุรกิจมีที่พักรีสอร์ทในอำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอมหาราช รวมถึงร้านอาหาร ร้านข้าวแกง ในเขตจังหวัดปทุมธานี โดยภายหลังพบว่าร้านอาหารและร้านก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่ง พบว่าความเคลื่อนไหวของการเงินมีเงินสูญหายไปในตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนหลายล้านบาท จึงได้มีการแจ้งความฟ้องร้องกับหุ้นส่วน จนมีการฟ้องร้องและขึ้นศาลเมื่อช่วงเช้าวันนี้(16 กันยายน 2565) วงเงินประมาณ 30 กว่าล้านบาท แต่ตนฟ้องเรียกค่าเสียหายประมาณ 10 กว่าล้าน และศาลได้มีการนัดสืบพยานหลักฐานต่าง ๆ
ส่วนตัวตนไม่มีเรื่องความขัดแย้งหรือปัญหาอะไรกับใครมาก่อน มีปัญหาเพียงเรื่องการประกอบธุรกิจเท่านั้น ระหว่างที่ขับรถมาตนมั่นใจว่าไม่ได้มีการไปขับรถปาดหน้าหรือเลี้ยวรถตัดหน้าใคร ตนขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คืออาจจะเป็นเหตุซึ่งหน้าระหว่างการขับรถอยู่บนถน หรือเป็นเหตุความขัดแย้งในเรื่องของธุรกิจที่กำลังมีปัญหากันอยู่
ข่าวโดย สุทธิพร กองสุทธิผล จ.พระนครศรีอยุธยา