ชลประทาน เตรียมรับมือฝนพื้นภาคใต้ ปรับการระบายน้ำรองรับน้ำที่เพิ่มขึ้น
กรมชลประทาน เตรียมรับมือปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในพื้นภาคใต้ ปรับการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น พร้อมตรวจสอบอาคารชลประทานให้ใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 65 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป
ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (17 ต.ค..65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 63,682 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 84 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 13,297 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,335 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 82 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 4,587 ล้าน ลบ.ม.
ปัจจุบันปริมาณฝนในพื้นที่ตอนบนได้ลดน้อยลง ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายลดลงตามไปด้วย กรมชลประทาน ได้ปรับลดการระบายน้ำในหลายพื้นที่ แบบขั้นบันได โดยพิจารณาการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการ์ณปัจจุบัน รักษาปริมาณน้ำให้อยู่ในอ่างเก็บน้ำตามเกณฑ์กักเก็บที่กำหนดไว้ เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งให้ได้มากที่สุด ขณะนี้มีพื้นที่ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 22 จังหวัด นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ได้มอบหมายให้โครงการชลประทานในพื้นที่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับเข้าสู่ภาวะปรกติโดยเร็ว รวมไปถึงการตรวจสอบความมั่นคงของอาคารชลประทานที่ใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพในช่วงที่ผ่านมา ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมกับวางแผนบริหารจัดการน้ำและแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย การเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปช่วยระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาประกอบอาชีพและใชชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ตามนโยบายการช่วยเหลือหลังน้ำลดของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปริมาณฝนตกจะเริ่มเพิ่มขึ้นในพื้นภาคใต้ของประเทศ ตั้งแต่บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงไป จึงได้มอบหมายให้สำนักงานชลประทานในพื้นที่ภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 65 โดยให้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ การคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมเฝ้าระวังและควบคุมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด พิจารณาปรับการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น โดยไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายอ่าง รวมทั้งตรวจสอบอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ หมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญให้บูรณการร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัดในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด