ไม่หาย! เงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ จ่ายไปแล้ว 56 ล้าน รออนุมัติอีก 56 ล้าน
การยาสูบแห่งประเทศไทย ชี้แจง เงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ ไม่หายไปไหน จ่ายไปแล้ว 56 ล้านบาท รออนุมัติอีก 56 ล้านบาท
ความคืบหน้ากรณี เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ พื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ยังไม่ได้รับ เงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ ช่วยเหลือตามโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) จำนวน 50 ล้านบาท โดยที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 159.69 ล้านบาทไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 ต.ค.65) การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ชี้แจงว่า ได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ หรือ เงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ ให้แก่เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ได้รับตามเกณฑ์ของโครงการแล้ว จำนวน 12,936 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 125,095,308.94 บาท ในสัดส่วนตามต้นทุนดำเนินการระหว่างผู้บ่มอิสระ กับเกษตรกรผู้เพาะปลูกขายใบยาสด ในอัตรา 70:30 ของเงินช่วยเหลือ
สำหรับ ใบยาเวอร์ยิเนีย ราคากิโลกรัมละ 17.50 บาท ผู้บ่มอิสระจะได้รับเงินช่วยเหลือ 12.25 บาทต่อกิโลกรัม
- เกษตรกรผู้เพาะปลูกขายใบยาสด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5.25 บาทต่อกิโลกรัม
- เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบเบอร์เลย์ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 9.80 บาทต่อกิโลกรัม
- เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบเตอร์กิซ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 14.00 บาทต่อกิโลกรัม
รวมทั้งการจัดสรรค่าธรรมเนียมการบริการโอนเงินแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อีกรายละ 7 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินตามโครงการฯ ตามหลักเกณฑ์ครบถ้วนแล้ว คงเหลือเงินส่งคืนกรมบัญชีกลาง จำนวน 34,594,308.94 บาท เนื่องจากชาวไร่บางส่วนมีคุณสมบัติไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ขณะที่ โครงการสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้นให้แก่เกษตรกร ฤดูการผลิต 2565/2566 ใช้งบประมาณ 112.32 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทยมีมติอนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร หรือ "เงินเยียวยาเกษตรกรยาสูบ" ในวงเงิน 56.16 ล้านบาท และในส่วนที่เหลือวงเงิน 56.16 ล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติจัดสรรงบประมาณกลางจากรัฐบาลตามระเบียบขั้นตอน การยาสูบแห่งประเทศไทยเชื่อว่าจะจ่ายเงินให้เกษตรกรในการรับซื้อใบยา ฤดูการผลิต 65/66 ในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2566
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือ ประชาชน เกษตรกรผู้ได้รับความเดือดร้อนต่อทุนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม พร้อมให้การตรวจสอบ
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล และตรวจสอบข่าวสารที่ได้รับมา จากแหล่งข่าวที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ เปิดโอกาสรับฟังการชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อไม่ให้สร้างความสับสนในสังคม