คดีพลิก! รองนายก ทน.อุบลฯ สั่งเลิกแจ้งความ ปมเงินหาย 58 ล้าน ซัดระบบธ.กรุงไทย
รองนายกเทศบาลนครอุบลฯ ส่งนิติกร ยื่นตำรวจยกเลิกการแจ้งความทั้งหมด กรณีเงินหายกว่า 58 ล้านบาท แต่สงสัยเกิดจากความบกพร่องของระบบธนาคารกรุงไทย
จากกรณีนายอาทิตย์ คูณผล อายุ 66 ปี รองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ได้รับมอบอำนาจจากนางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ให้มาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดไม่ทราบเป็นใคร ซึ่งได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 321-1-01278-8 และบัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 321-6-01456-8 ชื่อบัญชีเทศบาลนครอุบลราชธานี โดยมีเงินถูกโอนไปจากทั้งสองบัญชี แล้วโอนเข้าไประบบช็อปปี้ เลขที่ KT 2093 รวมจำนวน 2,029 ครั้ง โดยมียอดการโอนตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึง วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 รวมเป็นเงิน 39,042,839 บาท และระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 ถึง 30 พฤศจิกายน 2565 มีเงินถูกโอนไปจากทั้งสองบัญชี แล้วโอนเข้าไประบบช็อปปี้ เลขที่ KT 2093 รวมจำนวน 2,000 ครั้ง รวมเป็นเงิน 19,515,131 บาท โดยรวมเป็นเงินถูกโอนไป ทั้งหมด 58,557,970 บาท
สงสัยว่าน่าจะมีการโจรกรรมข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อลักลอบทำธุระกรรมดังกล่าว ทางเทศบาลฯจึงมีความประสงค์ดำเนินคดีถึงที่สุดกับผู้กระทำความผิด
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน นายอาทิตย์ คูณผล รองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากนายกเทศบาลนครอุบลฯให้กำกับดูแล สำนักการคลังเทศบาลนครอุบลฯ เปิดเผยความคืบหน้าของคดีว่าตามที่ได้มอบหมายให้นายสุรศักดิ์ สุระวงศ์ นิติกรชำนาญพิเศษ และนายเรืองวิทย์ โหตระไวศยะ นิติกรปฏิบัติการ มาแจ้งความเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 และวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 นั้น
เนื่องจากข้อความที่แจ้งความไม่ตรงตามความประสงค์ของผู้มอบอำนาจ จึงขอยกเลิกการแจ้งความทั้งหมด และใช้ข้อความดังต่อไปนี้แทน"เทศบาลนครอุบลราชธานีฝากเงินไว้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนชยางกูรบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 321-6-01456-8 และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่ 321-1-01278-8จากการตรวจสอบเดือนตุลาคม 2565 เงินหายจากบัญชีประมาณ 19 ล้านบาทเศษและเดือนพฤศจิกายน2565 เงินหายจากบัญชีประมาณ 39 ล้านบาทเศษ รวม 2 เดือนเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาท
ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดจากความบกพร่องของระบบธนาคารและหรือผู้จัดการและผู้ใต้บังคับบัญชาจึงมาแจ้งความเพื่อให้ธนาคารคืนเงินให้เทศบาลนครอุบลราชธานีและให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานีแจ้งข้อกล่าวหาและเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป พ.ต.ท.รุ่งทวี นาปาน สารวัตร(สอบสวน)สภ.เมืองอุบลฯได้รับคำร้องทุกข์ไว้และจะได้สอบสวนต่อไป
นายอาทิตย์ คูณผล รองนายกเทศมนตรีอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนั้นข้อมูลทางเรายังตรวจสอบไม่ชัดเจนเราก็รีบไปแจ้งความเพราะว่าเงินเราที่ฝากไว้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนชยางกรูหาย แต่เมื่อมาตรวจสอบแล้ว ทางเราก็รีบไปแจ้งความแต่เมื่อมาตรวจพบความผิดปกติอยู่ 2 ประเด็น ได้แก่
ประเด็นที่ 1.หลักเกณฑ์เงื่อนไขในการฝากเงินกับระบบ KTB ออนไลน์ เมื่อเงินถูกโอนออกจากบัญชี กรณีที่ได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจแล้วระบบมันจะแจ้งเตือนขึ้นมายังมือถือหรือว่าเครื่องของเจ้าหน้าที่ที่โอน
ส่วนประเด็นที่ 2.ในการโอนที่ถูกต้องมันจะไม่มีค่าธรรมเนียมแต่ข้อสังเกตที่เราพบเงินที่หายไปทั้งหมดไม่มีการแจ้งเตือน แต่ปรากฏว่ามีค่าทำเนียมทุกรายการรายการละ 10 บาท ซึ่งธนาคารต้องรับผิดชอบ เราจึงไปดำเนินการแจ้งความกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนชยางกรู
และขณะนี้ทางเทศบาลนครอุบลฯได้ยกเลิกเรื่องบัญชีเงินทั้งหมดกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนชยางกรู ทางเทศบาลนครอุบลฯเปลี่ยนไปทำทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารออมสินและจะใช้ระบบเดิมโดยใช้ระบบการเขียนเช็คแบบเดิม แทนระบบการเบิกจ่ายเงินแบบระบบ KTB ออนไลน์