สกัดหมอกควันไฟป่า 4 จังหวัดภาคเหนือ ดีเดย์ 15 ก.พ.66 ห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด
4 จังหวัดภาคเหนือ ลงนามร่วมแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละออง พร้อมกำหนดช่วงเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ดีเดย์ 15 ก.พ. - 30 เม.ย.66
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ถกแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า พร้อมกำหนดช่วงเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ดีเดย์ 15 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2566 ผู้ว่าฯเชียงใหม่ เผยทั้ง 4 จังหวัดลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละออง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
วันนี้(25 พฤศจิกายน 2565) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 พร้อมด้วยนายชัชวาล ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ร่วมประชุมหารือแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ร่วมกัน ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่
พร้อมกันนี้ทั้ง 4 จังหวัด ได้ร่วมกันกำหนดช่วงเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2566 รวมเป็นระยะเวลา 75 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่สภาพอากาศค่อนข้างนิ่งกว่าปกติ
ทั้งนี้จะมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยหน่วยงานภาครัฐ และในพื้นที่ที่มีการลงทะเบียนของจังหวัดเท่านั้น ซึ่งจะได้มีการกำหนดวันเวลาในการเริ่มเผาและดับ รวมถึงขอบเขตพื้นที่ให้ชัดเจน ทั้งยังจะได้มีการประชุมหารือแนวทางการทำงาน และจัดกิจกรรมร่วมกัน ทั้งการลาดตระเวน การทำแนวกันไฟ ซึ่งหากเกิดไฟป่าในเขตพื้นที่รอยต่อจะได้มีการบูรณาการการปฏิบัติงานดับไฟป่าร่วมกัน โดยในขณะนี้ได้มีข้อมูลรายชื่ออำเภอที่มีพื้นที่ป่ารอยต่อระหว่าง 4 จังหวัดไว้พร้อมแล้ว
นอกจากนี้ทั้ง 4 จังหวัดยังจะได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ร่วมกัน เพื่อเชื่อมโยงกลไกความร่วมมือกับทุกภาคส่วน พร้อมถ่ายทอดข้อมูลสถิติต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้สถานการณ์จุดความร้อน (Hotspot) และค่าคุณภาพอากาศ (PM2.5) ร่วมกัน เพื่อสามารถเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งยังมีการเข้มงวดแหล่งกำเนิด PM2.5 แหล่งอื่น ๆ เช่น รถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และเขตก่อสร้าง เพื่อควบคุมไม่ให้ค่าคุณภาพอากาศ (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน
ข่าวโดย จักรินทร์ นมนาน จ.เชียงใหม่