คืบหน้า หมูป่าล้มตายในพื้นที่ยะลา คาดว่าเป็นโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร

คืบหน้า หมูป่าล้มตายในพื้นที่ยะลา คาดว่าเป็นโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร

ความคืบหน้า กรณีพบซากหมูป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติบางลางที่ บ.ล1 (บ้านวังไทร) จำนวน 10 ตัว คาดว่าเป็นโรค ASF หรือ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบางลางที่ บ.ล1 (บ้านวังไทร) พบซากหมูป่าจำนวน 10 ตัว และคาดว่าในป่าพื้นที่ใกล้เคียงคงจะมี หมูป่าติดโรคระบาด ตายอีกจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านต่างงดรับประทานเนื้อหมูป่า และยังส่งผลกระทบถึงหมูบ้านที่เลี้ยงไว้ เพราะอาจจะติดเชื้อโรคจากหมูป่า ที่แอบเข้ามาหาอาหารกินในหมู่บ้าน

ล่าสุด วันนี้ 8 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยัง นายอรรถพล แสนพันทา ปศุสัตว์จังหวัดยะลา ก็ทราบข้อมูลว่า หลังจากการประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบางลางที่ บ.ล1 (บ้านวังไทร) สันนิษฐานว่าหมูป่าที่ล้มตาย ในกลางป่าในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา คาดว่าเป็นโรค ASF หรือ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร

ซึ่งทางประเทศมาเลเซีย ในช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ประกอบกับติดพรมแดนของประเทศไทย (ภาคใต้ตอนล่าง) ส่วนโรคนี้ไม่ติดต่อกับมนุษย์ ซึ่งทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยะลา ได้ประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม หากผู้ใดพบเห็นสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งมีการตายเป็นจำนวนมากบนพื้นที่เดียวกัน ขอให้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ ปศุสัตว์อำเภอ เป็นต้น

และ ห้ามเคลื่อนย้ายซากสัตว์นั้น ออกนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหากเป็นโรคติดต่อ พร้อมกับรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าเก็บซากและชิ้นเนื้อ เพื่อส่งตรวจ ชันสูตรโรค หลังจากนั้นให้กำจัดซากสัตว์ตาย โดยการเผา หรือ ฝังซาก ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ สัตว์แพทย์ ที่เข้าไปควบคุม ปศุสัตว์จังหวัดยะลา เผยอีกว่า ถ้าหากจะเคลื่อนย้ายสุกรภายในจังหวัด หรือ ข้ามจังหวัด ให้ติดต่อขออนุญาตที่ปศุสัตว์อำเภอทุกครั้ง มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย ที่กำหนดโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ