"ดีเอสไอ" ยังไม่ปักใจเชื่อ "นอท กองสลากพลัส" ชี้แจงปมฟอกเงิน
"อธิบดีดีเอสไอ" เผยยังไม่ปักใจเชื่อ "นอท กองสลากพลัส" ชี้แจงปมฟอกเงิน เตรียมบุกตรวจโกดัง - ออฟฟิศ 16 มกราคม 2566 นี้
กรณี นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ได้เดินทางมาที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อให้การในฐานะพยานหลังถูกออกหมายเรียก เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนพบพยานหลักฐานปรากฏว่าบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัชมีการรับเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทจากขบวนการฟอกเงิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ดีเอสไอได้จับกุมตัวไปก่อนหน้าแล้วนั้น
ซึ่งภายหลังจากที่ นอท กองสลากพลัส หรือ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ได้เข้าให้ปากคำกับนายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด เกี่ยวกับประเด็นการรับเงินหลายสิบล้านบาทจากขบวนการฟอกเงิน โดยมีนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ เข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย
ล่าสุด นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังจากการสอบปากคำ นายพันธ์ธวัช หรือ นอท กองสลากพลัส ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ก็ได้มีการสอบถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่โอนเงินให้นายพันธ์ธวัชว่ารู้จักกันหรือไม่ และรู้จักกันนานแค่ไหน มีการดำเนินธุรกิจอย่างอื่นร่วมกันหรือไม่ และสาเหตุของการโอนเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งถือว่าถ้อยคำที่นายพันธ์ธวัชให้นั้น เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ครบถ้วน แต่ก็จะต้องดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมต่อไป เพราะจะต้องนำถ้อยคำไปพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานอีกหลายอย่าง
อธิบดีดีเอสไอ ระบุต่อว่า จากการให้ถ้อยคำของ นอท กองสลากพลัส นั้นขอยืนยันว่าเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยตัวนายพันธ์ธวัชให้การว่าไม่รู้จักกันมาก่อน แต่รู้จักกันผ่านนายหน้าหลายคนและก็ได้เจอกันแค่วันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีกเลย ส่วนลักษณะการโอนเงินก้อนดังกล่าวขอยังไม่เปิดเผย เพราะมีพฤติการณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจและหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมอีกครั้ง
"ตัวเลขจากการรับโอนเงินมีจำนวน 42 ล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนเงินเพียงเส้นทางเดียวจากบุคคลดังกล่าว และเข้าบัญชีนายพันธ์ธวัชอย่างเดียว ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีการโอนเงินออกไปสู่บัญชีอื่นด้วยหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามยังมีเส้นทางการเงินอีก 39 เส้นทาง ที่ นอท กองสลากพลัส จะต้องเข้ามาชี้แจงภายใน 2 สัปดาห์ และต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม
ในส่วน 39 เส้นทางการเงินนี้จะเชื่อมโยงกับขบวนการยาเสพติดหรือไม่ ตนยังไม่มีข้อมูลชัดเจนในเรื่องนี้ และจะตรวจสอบต่อไป โดย 39 เส้นทางการเงินนี้มีประมาณหลัก 1,000 ล้านบาท ซึ่งตามการกล่าวอ้างของนายพันธ์ธวัชนั้นเป็นเงินลงทุน เงินหมุนเวียน แต่ก็จะต้องไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่า บุคคลใดเป็นคนโอนเงินให้ และมีความสัมพันธ์อย่างไร ทั้งนี้เงินที่ปรากฏนั้นเป็นเงินที่เข้ามาระหว่างการทำธุรกิจกองสลากพลัส และจะมีการสอบถามไปทางกองสลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มเติมด้วยว่ามีระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการขึ้นเงิน การให้ผู้ประกอบการไปจำหน่ายสลาก ซึ่งตรงนี้มันจะมีที่มาที่ไปอยู่ ขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน"
อธิบดีดีเอสไอ เผยอีกว่า บรรยากาศการพูดคุยนั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าตัวเขาเป็นผู้ต้องหา หรือเป็นผู้กระทำความผิด เพราะทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในการคุ้มครอง เมื่อนายพันธ์ธวัชนำเอกสารเข้ามาชี้แจงภายใน 2 สัปดาห์แล้ว ภายในวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 ช่วงบ่ายโมง ดีเอสไอจะเดินทางไปสถานที่ 2 แห่ง เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่าสิ่งที่นายพันธ์ธวัชพูดนั้นเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ โดยจะไปที่โกดังเก็บสลากกินแบ่ง ประมาณ 170 ล้านใบ ที่ได้มีการขายสลากกินแบ่งเหลือแล้วเก็บไว้ ซึ่งก็จะได้สอบถามถึงสาเหตุว่าเก็บไว้ทำไม ซึ่งตนมองว่าคงรอให้ทางดีเอสไอไปตรวจสอบ และจะไปที่ออฟฟิศด้วยซึ่งเป็นที่เก็บเอกสาร เพื่อไปดูว่าลอตเตอรี่มีจริงหรือไม่ มีการจัดเก็บไว้เพื่อเตรียมจำหน่ายจริงหรือไม่ เป็นลักษณะหวยทิพย์หรือไม่ จึงขอเชิญสื่อมวลชนไปร่วมทำข่าวด้วย
"มีข้อมูลของกองสลากรายอื่นๆด้วย แต่ความผิดอาจจะแตกต่างกัน ต้องพิจารณาไปเป็นเรื่องๆ และเรื่องนี้ไม่มีการรับงานมาเพื่อพุ่งเป้าที่กองสลากพลัส แต่มันเป็นเรื่องที่สังคมอยากให้มีการตรวจสอบ จึงต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งการค้าขายสลากออนไลน์ ถ้าทำให้ถูกต้องก็เป็นประโยชน์กับตัวเขาเองและบริษัท หากชี้แจงทุกอย่างได้