ชูเกษตรแปลงใหญ่ จัดอบรมเทคโนโลยีกลุ่มชาวนา หนุนลดต้นทุนการผลิต
"รมว.เฉลิมชัย" ชูเกษตรแบบแปลงใหญ่ จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตให้กลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าว ให้สามารถบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวได้อย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้มาตรฐาน
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานการจัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2566 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตให้กลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าว (กลุ่มนาแปลงใหญ่ ศูนย์ข้าวชุมชน)
โดยให้ชาวนาร่วมกันบริหารจัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยี และนำเสนอองค์ความรู้ด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว ให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมงานได้รับทราบ และนำไปประยุกต์ใช้ รวมถึงแสดงผลงานทางวิชาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิตข้าว ของทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรชาวนา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับนโยบายตลาดนำการผลิต จึงสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ เพื่อให้สามารถควบคุมผลผลิตและราคาได้ โดยเชื่อมั่นว่าแนวทางของโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ได้เดินมาถูกทางแล้ว เพราะสร้างประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร คือ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรเรียนรู้และวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบร่วมกันตลอดห่วงโซ่อุปทาน สามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับมาตรฐานผลผลิต
ซึ่งเกษตรกรสามารถกำหนดชนิดผลผลิตตามความต้องการของตลาดได้ และภาครัฐยังสามารถช่วยกำหนดตลาดล่วงหน้าให้ได้ด้วย เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งให้ความสำคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง และใช้การตลาดสมัยใหม่ เป็นการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรรายย่อย ทั้งด้านการผลิตและการจำหน่าย การรวมกลุ่มกันจะสร้างอำนาจต่อรองให้เกษตรกร โดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การเอาเปรียบจากคู่ค้า และมีโอกาสในการขยายตลาดไปช่องทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงตลาดต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ข้าวคุณภาพดีส่วนหนึ่งจะต้องมาจากเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการทำนา ในขณะที่เราต้องการผลิตข้าวคุณภาพดีให้ได้ปริมาณมากเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศมากเท่าใด เราก็ต้องการปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้มาตรฐานปริมาณมากตามด้วยเช่นกัน โดยในภาครัฐที่ผลิตโดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 มีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้ประมาณ 95,000 ตัน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวของทั้งประเทศ ที่อยู่ประมาณ 1.33 ล้านตัน
ในส่วนหน่วยงานอื่นที่เข้ามาผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกร นอกจากสหกรณ์การเกษตรและภาคเอกชนที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบางส่วนแล้ว ศูนย์ข้าวชุมชนเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญและใกล้ตัวเกษตรกรที่สุดที่จะมาเติมเต็มปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีที่ยังขาดแคลนตามหลักการของศูนย์ข้าวชุมชนที่ “ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเองโดยชุมชน แล้วกระจายไปสู่ชุมชนของตนเองและชุมชนข้างเคียงอย่างมีคุณภาพ”
“การจัดงานในครั้งนี้ จะมีส่วนกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้สมาชิกของกลุ่มนาแปลงใหญ่ ศูนย์ข้าวชุมชน และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมงาน ได้รับรู้และเข้าใจในการนำเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวที่เหมาะสม และการยกระดับมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมไปถึงการสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิต และเพิ่มมูลค่าทางการค้าจากการผลิตข้าวคุณภาพดี โดยเน้นการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตามนโยบายการตลาดนำการผลิต นำไปสู่การจัดการสินค้าเกษตรสู่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไม่ทอดทิ้งเกษตรรายย่อยด้วย พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยจะดูแลพี่น้องเกษตรกรให้เหมือนเป็นคนในครอบครัว และต้องเอาพี่น้องเกษตรกรเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยเช่นกัน เพราะปัญหาจะสามารถพูดคุยและแก้ไขได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง หากเกษตรกรมั่นคงและมั่งคั่ง จะทำให้เศรษฐกิจมีการหมุนเวียน และทำให้ประเทศชาติมั่นคงตามไปด้วย” ดร.เฉลิมชัย กล่าว